กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--ซีเมนส์
ประชากรราว 3 ล้าน 1 แสนคนในเกือบ 20 จังหวัดของประเทศไทยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมซึ่งซีเมนส์ได้จัดโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน (Siemens Peers for Peers) ขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบในประเทศไทย โดยโครงการดังกล่าวนี้ ดำเนินการขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคคลัสเตอร์อาเซียน-แปซิฟิกเพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานของซีเมนส์ในภูมิภาคได้ให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งร้ายแรงนี้อันเป็นการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือนอกเหนือจาก 2 มาตรการการให้ความช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ของบริษัทฯ แก่พนักงานผู้ประสบภัยในเดือนที่ผ่านมา
ขณะนี้มีพนักงานบริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทยกว่า 100 คนที่บ้านได้รับความเสียหายจากน้ำที่เข้าท่วมบ้านเรือน ปัญหาสิ่งปฏิกูลตลอดจนปัญหาการขาดแคลนอาหารและน้ำอุปโภคบริโภครวมถึงปัญหาของโรคต่างๆ ที่อาจเกิดจากน้ำล้วนเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องให้ความใส่ใจนอกเหนือจากเรื่องของการให้ความช่วยเหลือเยียวยาและการจัดหาทรัพยากรต่างๆ
โครงการเพื่อนช่วยเพื่อนของซีเมนส์ (Siemens Peers for Peers) นี้เป็นกิจกรรมของการบริจาคเงินจากเครือข่ายของซีเมนส์ที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน-แปซิฟิกและในประเทศเกาหลี ซึ่งมีพนักงานรวมทั้งสิ้น18,000 คน โดยพนักงานในภูมิภาคจะได้รับข่าวสารที่อัพเดทอยู่เสมอผ่านทางหน้าเว็ปภายในองค์กรซึ่งรวมถึงการได้รับรู้เรื่องราวจากบทสัมภาษณ์พนักงานผู้ประสบภัย รวมถึงข้อมูลสำหรับการติดต่อที่จำเป็นและรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับโครงการฯ
ในเดือนที่ผ่านมา บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทยได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือพนักงาน 2 มาตรการหลังน้ำลด โดยมาตรการแรกเป็นการให้เงินช่วยเหลือโดยทันทีจำนวน 10,000 บาทแก่พนักงานที่บ้านถูกน้ำท่วมและมาตรการที่สองนั้นพนักงานสามารถดำเนินการขอยืมเงินช่วยเหลือน้ำท่วมล่วงหน้าจากบริษัทฯ ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 120,000 บาท หรือในภายวงเงินเทียบเท่ากับ 3 เท่าของเงินเดือนแล้วแต่วงเงินใดจะต่ำกว่าเพื่อใช้ในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายจากน้ำท่วม
นอกจากนี้ บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทยกำลังดำเนินการเรื่องการบริจาคเครื่องกรองน้ำที่ซึ่งใช้เทคโนโลยีตัวกรองแบบ SM1Auto Ultra Filtration Membrane จำนวน 3 เครื่องให้แก่สภากาชาดไทยเพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อุทกภัย โดยที่เครื่องกรองน้ำแต่ละเครื่องนั้นสามารถกรองน้ำเสียได้ราว 25,000 ลิตรต่อวัน
ม.ร. โลธาร์ แฮร์มันน์ หัวหน้าฝ่ายบริหารของซีเมนส์คลัสเตอร์อาซียน-แปซิฟิกกล่าว “วิกฤตครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนจำนวนมากในประเทศไทยซึ่งผมขอส่งกำลังใจและความปรารถนาดีไปยังผู้ประสบภัยและครอบครัวทุกท่าน ที่ซีเมนส์นี้พวกเราให้ความสำคัญกับการดูแลเอาใจใส่พนักงานของเรา ดังนั้น เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนนี้จะสามารถระดมเงินช่วยเหลือจากเครือข่ายของซีเมนส์ในภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วให้แก่เพื่อนร่วมงานที่ประสบภัยเพื่อการฟื้นฟูบ้านเรือนและการดำเนินชีวิตต่อไป
“ในเวลาเดียวกันเรายังคงยึดมั่นต่อการทำประโยชน์ให้กับชุมชนและประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ” ม.ร. แฮร์มันน์ กล่าวเสริม
อย่างไรก็ดี บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทยซึ่งขณะนี้มีพนักงานทั้งสิ้น 1,200 คนไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้และยังเปิดทำการอยู่
เกี่ยวกับซีเมนส์ เอจี (เบอร์ลินและมิวนิค) เป็นบริษัทระดับโลกด้านอิเลคทรอนิกส์และวิศวกรรมไฟฟ้า ซึ่งประกอบการในธุรกิจภาคอุตสาหกรรม พลังงาน และ เฮลท์แคร์รวมถึงการจัดหาโซลูชั่นขั้นพื้นฐานแก่เมืองและในเขตเมืองใหญ่ ต่างๆ กว่า 160 ปีที่ ซีเมนส์ เป็นบริษัทฯ ที่แทนความหมายได้ถึงความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม คุณภาพ ไว้วางใจได้ และมีความเป็นสากล บริษัทฯ เป็นผู้จัดหารายใหญ่ที่สุดของโลกในเรื่องของเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งราวร้อยละ 40 ของรายได้ทั้งหมดมาจากผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นสีเขียว ในปีงบประมาณ 2553 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 มีรายได้รวมจากการประกอบการที่กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 73,500 ล้านยูโร โดยมีรายได้สุทธิจากการประกอบการที่กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 7,000 ล้านยูโร จนถึงสิ้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 ซีเมนส์มีพนักงานราว 336,000 คนทั่วโลก ในภูมิภาคอาเซียน-แปซิฟิคมีพนักงานทั้งสิ้น 18,000 คน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าไปที่ www.siemens.com.
เกี่ยวกับบริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทย
ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทยดำเนินธุรกิจในทั้ง 3 ภาคธุรกิจ ซึ่งได้แก่ อุตสาหกรรม พลังงาน และเฮลท์แคร์ โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในธุรกิจที่มีฐานธุรกิจที่กว้าง ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถบรรลุผลสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดของธุรกิจที่กำลังเติบโตในภาคอุตสาหกรรมและพลังงาน เช่น ปิโตรเคมี น้ำ โลหะ พลังงานสะอาด และ น้ำกับก๊าซ ในปีงบประมาณ 2553 สิ้นสุดปีงบประมาณในเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 บริษัทฯ มียอดสั่งซื้อ 8,500 ล้านบาท และมีพนักงานราว 1,200 คน