กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--Extravaganza
‘นกพิราบ’ แบรนด์โปรดักซ์อาหารกระป๋องอันดับหนึ่งของภูมิภาค พลิกวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่ในอดีต ประยุกต์แนวคิดการเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่งพร้อมยึดมั่นระบบ TMQ สร้างความมั่นคงพื้นฐานให้กับแบรนด์ เน้นให้ความสำคัญต่อบุคลากรและการพัฒนาองค์ความรู้ เชื่อมั่นภายในสามปีข้างหน้านี้เป็นช่วงขาขึ้น
มาลัย รัชตสวรรค์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท สันติภาพ (ฮั่วเพ้ง 1958) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ผักกาดดองหลากหลายชนิดภายใต้เครื่องหมายการค้าตรา “นกพิราบ” แบรนด์อาหารอันดับหนึ่งของไทยเปิดเผยแนวคิดองค์กรสุดแข็งแกร่งประยุกต์จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของแบรนด์ ที่ผ่านช่วงเวลาทั้งจุดเริ่มต้น เติบโต คงที่และช่วงขาลง แต่นับจากนี้ไป3ปีข้างหน้า เชื่อมั่นได้ว่านกพิราบจะก้าวเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างแน่นอน จากอดีตที่เริ่มจากธุรกิจครอบครัวเล็กๆ ก้าวไปสู่การลงทุนก้อนโตเพื่อขยายการผลิตที่ทำท่าว่าจะทะยานขึ้นไปสู่จุดสูงสุดบนเส้นทางธุรกิจของภูมิภาค แต่เนื่องจากประสบกับภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ ค่าเงินบาทร่วงหล่นจึงทำให้การขยายกิจการต้องสะดุดพร้อมกับสร้างหนี้สินจำนวนมาก ”มองย้อนไปวันนั้นธุรกิจของเราโตไปพร้อมกับกระแส เน้นการขยายการลงทุน แต่พอนั่งมองในวันนี้ทำให้เห็นการโตโดยขาดซึ่งรากฐานที่แข็งแกร่ง ที่สุดก็เป็นแค่ภาพลวงตา เรียกได้ว่า เราไม่ใช่แค่เหลือ 0 แต่เราติดลบจากคดีล้มละลาย…..แต่จะทำอย่างไรกับการผลักดันธุรกิจ ต่ำกว่า 0 ให้ไต่ระดับขึ้นมาได้” มาลัยกล่าวอย่างมุ่งมั่น ดังนั้นในปัจจุบันนี้สเตปทุกย่างก้าวของธุรกิจ “นกพิราบ” จึงปรับเปลี่ยนจากที่ต้องเร่งธุรกิจหวือหวาตามกระแส มาเป็นค่อยๆก้าวเดินโดยยึดตามขีดความสามารถของตัวเอง พร้อมทั้งทำความรู้จักและเข้าใจแบรนด์ของตัวเองให้ลึกซึ้งมากขึ้น และจากการประเมินศักยภาพของแบรนด์พบว่า กลุ่มผักกาดกระป๋อง ยังคงเป็นโปรดักท์อันดับหนึ่ง สร้างรายได้ถึง 60%สำหรับตลาดในประเทศ และอีก 20% ในตลาดต่างประเทศ ส่วนโปรดักท์ในกลุ่มน้ำผลไม้กระป๋อง และปลากระป๋อง ก็มีสัดส่วนรายได้ 10% และ 30% สำหรับตลาดในประเทศตามลำดับ ขณะที่ต่างประเทศมีสัดส่วนที่มากกว่า ดังนั้นนกพิราบจึงต้องการต่อยอดสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจให้มากกว่าเดิมภายในสามปีนี้ เน้นในทั้งตลาดเดิมและการขยายไลน์สินค้าใหม่ พร้อมกับยึดการนำระบบ TMQ (Total Quality Management) ระบบการบริหารคุณภาพสมัยใหม่ เข้ามาพัฒนาในภาพรวมขององค์กรให้มากขึ้น จึงส่งเสริมให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและมั่นคง จากการยอมรับวิกฤติในอดีต การมองปัญหาและแก้ไขอย่างตรงจุด จึงทำให้ทุกวันนี้ “นกพิราบ” เข้าสู่สภาวะ “ลุก” ยืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับก้าวไปสู่การเติบโตทางธุรกิจเป็นที่เรียบร้อย การันตีด้วยยอดขายถึง 1,800 ล้านบาท ในปี 2554 ซึ่งเติบโตจากที่ผ่านมาด้วยยอดขายกว่า 500 ล้านบาท พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าภายใน3 ปีนี้ “นกพิราบจะก้าวไปสู่ยอดขายที่ 3,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน”