กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--บางจากปิโตรเลียม
บางจากฯ มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2554 และ 2555 อยู่ในเกณฑ์ดี ชี้ราคาน้ำมันดิบดูไบปีหน้าเฉลี่ยที่ระดับ 102-107 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่าการกลั่นประมาณ 7 เหรียญฯ เดินหน้านโยบายลงทุนพลังงานสะอาดต่อเนื่อง ทุ่มขยายสถานีบริการน้ำมันครบวงจรเอาใจคนทุกวัย
ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันในช่วงปลายปี 2554 ถึงต้นปีหน้า ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ระดับ 102-107 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยบวกคือความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศแถบเอเชีย เช่น จีนและอินเดีย สำหรับปัจจัยลบที่มีผลต่อราคาน้ำมันไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นคือภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและภาระหนี้สินของประเทศกลุ่มยุโรปและสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ อิหร่าน ฯลฯ ที่จะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันมีความผันผวน
“จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกดังกล่าว ผมคิดว่าแนวโน้มราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับภาษีและกองทุนน้ำมัน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล หากภาครัฐจะเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นอีก 5 บาทต่อลิตร คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ 32-36 บาทต่อลิตร อีกทั้งการประกาศใช้น้ำมันคุณภาพมาตรฐาน EURO IV เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นประมาณ 0.80 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นประมาณ 1.00 บาทต่อลิตร ดังนั้น หากภาครัฐต้องการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วม น่าจะเลื่อนการเก็บภาษีสรรพสามิตออกไปอีกระยะหนึ่งและทยอยปรับเพิ่มตามความเหมาะสม” ดร.อนุสรณ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่ามีค่าการกลั่นเฉลี่ย 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลโดยมีกำลังการกลั่น 92,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการตลอดทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายส่วนค่าการกลั่นในปี 2555 คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นจะได้รับค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน และมีการผลิตจำหน่ายก๊าซหุงต้ม (LPG) เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ มีการปรับปรุงประสิทธิภาพหน่วยกลั่น ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และได้ดำเนินการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้ารองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น
ด้านธุรกิจการตลาด จะขยายการลงทุนสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ที่ทันสมัย มีบริการหลากหลายอาทิ ร้านอาหารและเครื่องดื่มชื่อดัง ธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ ในรูปแบบ “Green Service Station” เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มผู้ใช้บริการที่รักษ์สิ่งแวดล้อมและเป็นแหล่งนัดพบที่พร้อมให้ความสะดวกสบายอย่างครบครัน
ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า บริษัท บางจากฯ มีนโยบายลงทุนด้านพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็น “ผู้นำพลังงานทดแทน” โดยในปี 2555 จะขยายสถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20เพิ่มเป็น 600 แห่ง และ E85 เพิ่มเป็น 50 แห่ง และพร้อมให้การสนับสนุนโดยยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91ถ้าภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการใช้เอทานอลมากขึ้นและจะขยายธุรกิจร้านกาแฟอินทนิล ร้านสะดวกซื้อใบจาก และธุรกิจเสริมภายในสถานีบริการน้ำมัน พร้อมทั้งให้การสนับสนุนนโยบายด้านแรงงาน ด้วยการปรับเพิ่มค่าจ้างเป็น 300 บาทต่อวันให้แก่พนักงานในสถานีบริการน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเป็นแรงจูงใจเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัท บางจากฯ จะเริ่มก่อสร้างโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ หรือ “Sunny Bangchak” ระยะที่ 2 ขนาด 32 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าได้ประมาณต้นปี 2556
ส่วนโครงการพัฒนาการปลูกปาล์มน้ำมันที่ทุ่งรังสิต ได้ดำเนินการปลูกระยะแรกไปแล้ว 1,200 ไร่ และจะขยายเพิ่มเป็น 4,500 ไร่ในปี 2555
อนึ่ง โครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ระยะแรก ขนาด 38 เมกะวัตต์ ณ อำเภอบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมนั้น ไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ เพราะได้ทำประกันภัยไว้อย่างครอบคลุม คาดว่าจะเริ่มทยอยผลิตไฟฟ้าได้อีกครั้ง ตั้งแต่มีนาคม 2555 ส่วนโรงผลิตไบโอดีเซล และคลังน้ำมันที่บางปะอิน รวมทั้งโรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมแต่อย่างใด
ส่วนประชาสัมพันธ์
บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0-2335-4557, 0-2335-4658
โทรสาร 0-2140-8903