กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--ทาทา มอเตอร์ส
- ยันอุทกภัยไม่ส่งผลกระทบการผลิตรถกระบะทาทา
- เร่งหนุนผู้ประกอบธุรกิจฟื้นตัวหลังวิกฤติ พร้อมส่งมอบรถให้ใช้งานได้ทันที
- คาดทิศทางตลาดเปลี่ยนหลังผ่านอุทกภัยครั้งใหญ่
ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย เตรียมดัน ซีนอน แม็กซ์แค็บ กระบะพื้นเรียบ เครื่องดีเซล 2.2 ลิตร เป็นหัวหอกของรถกระบะพาณิชย์ พร้อมนำรถหัวลากรุ่นใหม่ “โนวัส” (Novus) มาเผยโฉมครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” ครั้งที่ 28 ยืนยันความแข็งแกร่งด้านการผลิต ย้ำอุทกภัยไม่ส่งผลกระทบ และมีความพร้อมในการส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ทันที เร่งหนุนผู้ประกอบการฟื้นตัวดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง คาดทิศทางตลาดเปลี่ยนสัดส่วนยอดขายรถกระบะเพิ่ม ผู้คนเลือกความคุ้มค่าของการใช้งานมากขึ้น
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด วางตัว ทาทา ซีนอน แม็กซ์แค็บ กระบะพื้นเรียบ ไม่ติดซุ้มล้อ เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2.2 ลิตร DICOR เป็นหัวหอกในการจัดแสดงรถยนต์ในงาน มหกรรมยานยนต์ หรือ มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 28 ระหว่างวันที่ 1 - 12 ธันวาคม 2554 นี้
ทาทา ซีนอน แม็กซ์แค็บ เป็นกระบะพื้นเรียบรุ่นใหม่ล่าสุดที่ทาง ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดย ซีนอน แม็กซ์แค็บ มาพร้อมขุมกำลัง 140 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ในรอบต่ำที่ 1,700-2,700 รอบต่อนาที ซึ่งนอกจากขุมพลังที่โดดเด่นไม่เป็นรองเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แล้ว ยังมีความโดดเด่นในด้านมิติการบรรทุก ที่บรรจุสินค้าได้มากกว่าจากพื้นกระบะเรียบ ไม่ติดซุ้มล้อ พร้อมความง่ายในการขนถ่ายสินค้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ จากฝากระบะที่สามารถเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน ซึ่งออกแบบตามพื้นฐานการใช้งานจริงของทั้งธุรกิจที่มีการขนส่ง หรืองานช่าง งานติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถขนของ ขนอุปกรณ์ไปได้ง่ายและมากกว่า ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง ประหยัดเวลา ในการเดินทางขนสัมภาระต่างๆ
นอกจาก ทาทา ซีนอน แม็กซ์แค็บ แล้ว ทาทา มอเตอร์สฯ จะนำรถหัวลากรุ่นใหม่ล่าสุด ทาทา โนวัส (TATA Novus) มาเผยโฉมเป็นครั้งแรก ในงาน มอเตอร์ส เอ็กซ์โป โดย ทาทา โนวัส เป็นรถหัวลากทรงพลังมาตรฐานยุโรป ซึ่งคันที่นำมาจัดแสดงในงานเป็น รุ่น Novus CNG ใช้เครื่องยนต์ดูซาน CNG แท้ทั้งระบบ แบบ 6 สูบ ช่วยอัดอากาศด้วยเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 2,100 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 1,372 นิวตันเมตร ที่ 1,260 รอบต่อนาที พร้อมถังบรรจุก๊าซธรรมชาติ CNG มาตรฐานสากล ขนาด 164 ลิตร จำนวน 8 ใบ ให้ความจุรวมถึง 1,312 ลิตร
ทั้งนี้ บูธ ทาทา มอเตอร์ส ยังมีการจัดแสดงรถ ทาทา ซีนอน อีกหลากประเภทหลายรุ่นทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และซีเอ็นจีแท้ทั้งระบบ รวมถึง ทาทา ซูเปอร์ เอซ ซิตี้ ไจแอนท์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าตามแต่การใช้งานที่หลากหลาย ขณะเดียวกันลูกค้าที่ซื้อกระบะทาทา ซีนอน นั้น ยังได้รับการคืนภาษีตามนโยบาย “รถคันแรก” ของรัฐบาลด้วย เนื่องจาก รถกระบะทาทา ซีนอน เป็นรถที่ผลิตในประเทศไทย
ยันระบบผลิตไร้ปัญหาอุทกภัยไม่กระทบ
“นับเป็นโชคดีของ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่ส่วนของการผลิตไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ขณะที่ชิ้นส่วนต่างๆ ก็มาจากโรงงานในภาคตะวันออกที่ไม่มีเหตุอุทกภัยเช่นกัน นั่นจึงทำให้เรายังสามารถผลิตรถยนต์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาการชะลอตัวของการผลิต และไม่กระทบกระเทือนด้านคุณภาพของการประกอบ ซึ่งในจุดนี้เราจึงเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถเลือกใช้รถเพื่อการพาณิชย์ของ ทาทา มอเตอร์ส ในการกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติโดยเร็ว หลังผ่านพ้นอุทกภัย รวมไปถึงลูกค้าทั่วไปที่ต้องการใช้รถก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตและการเดินทางได้ตามปกติโดยเร็ว” นายอภิเชต สีตกะลิน รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการลูกค้า บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
มั่นใจพร้อมส่งมอบรถได้ทันที
นายอภิเชตกล่าวต่อไปอีกว่า “นอกจากในเรื่องของการผลิตที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยแล้ว ทาง ทาทา มอเตอร์สฯ ยังมีการเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่องตลอดปีในการผลิตรถกระบะไว้ในสต๊อกอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ค่อนข้างมีจำนวนมากในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันรถยนต์มากมายที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ทำให้ผู้คนไม่สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติแม้เหตุอุทกภัยจะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม เนื่องจาก รถได้รับความเสียหายหนัก อาจต้องมีการเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหากนำไปซ่อมบำรุงก็จะใช้เวลาหลายเดือน เนื่องจากมีปริมาณรถนับแสนคันที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้รอเข้ารับบริการ ดังนั้นเราจึงมีความมั่นใจว่า หากลูกค้าต้องการรถกระบะทาทาไปใช้งานเพื่อกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติได้โดยเร็วแล้ว เรามีความพร้อมที่จะส่งมอบรถให้ไปใช้งานได้ทันที ขณะที่กลุ่มธุรกิจต่างๆ ก็สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในระยะเวลาอันสั้นเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะส่งเสริมภาคธุรกิจให้ฟื้นตัวแล้ว ยังส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศไทยกลับมาตั้งตัวใหม่ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย โดยทางเราก็มีแผนการตลาด ที่จะประชาสัมพันธ์ออกไปให้ลูกค้ารับรู้ว่า ซื้อรถทาทา สามารถรับรถได้ทันที”
คาดทิศทางตลาดเปลี่ยนหลังพ้นอุทกภัย
นายอภิเชต ยังได้คาดการณ์ว่าทิศทางของการตลาดจะมีความเปลี่ยนแปลง หลังจากผ่านอุทกภัยครั้งใหญ่ “จากประชาชนส่วนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยยังคงมีอยู่ แต่แน่นอนว่า ผลจากอุทกภัยครั้งนี้จะสร้างแรงสะเทือนต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนส่วนหนึ่งเป็นอย่างมาก ทำให้กำลังซื้อส่วนหนึ่งหดตัวลง เนื่องจากมีภาระมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นทั้งจากการซ่อมแซมที่พักอาศัย การเดินทาง การขนย้ายสิ่งของ รวมไปถึงการซ่อมแซมรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ ซึ่งปัจจัยด้านความต้องการซื้อที่ลดลงส่วนนี้ไม่ส่งผลมากเท่ากับปัจจัยด้านการผลิต เนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์หรือโรงงานผลิตชิ้นส่วนได้รับความเสียหาย ซึ่งสุดท้ายก็ย่อมกระทบกับความสามารถในการผลิตรถเพื่อป้อนตลาด จึงทำให้ตลาดรถยนต์หดตัวอย่างเห็นได้ชัดแต่จะหดตัวในระยะเวลาสั้นๆ”
“ขณะเดียวกันบรรดาผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนฯ ก็จะมีการปรับตัวเพื่อให้การดำเนินธุรกิจกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของการจัดหาชิ้นส่วนการผลิต ทั้งนี้ ในส่วนของการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคล จะมีการฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผลิตรถกระบะ เนื่องจากผู้ผลิตสามารถนำเข้าชิ้นส่วนทดแทนได้เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตรถกระบะนั้น ไม่สามารถหาชิ้นส่วนทดแทนโดยการนำเข้าได้มากนัก เนื่องจากผู้ผลิตรถกระบะส่วนใหญ่พึ่งพาการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศถึงเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคาดว่าระบบการผลิตรถกระบะอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว 4 ถึง 6 เดือน”
“ในส่วนของผู้บริโภคก็จะมีการใช้เหตุผลและไตร่ตรองมากขึ้นกับการตัดสินใจซื้อรถยนต์ ดังนั้นการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในช่วงนี้ผู้บริโภคจะหันมาให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า คุ้มราคา มากขึ้นกว่าความพึงพอใจในด้านอื่นๆ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่า รถกระบะหรือรถเพื่อการพาณิชย์มีบทบาทมากยามวิกฤติ เพราะมีสมรรถนะที่แข็งแกร่ง ลุยไปในพื้นที่คับขันได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป ประกอบกับผู้ประกอบการส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตลาดการซ่อมสร้าง ติดตั้ง และขนส่งสินค้า จะมีการขยายตัวมากขึ้น นอกจากนี้ รายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ก็จะส่งผลให้ผู้คนจะใช้สอยกันอย่างระมัดระวังมากขึ้น การลงทุนซื้อรถจะมองไปในเรื่องประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่ามากที่สุด และในส่วนของทัศนคติในการซื้อรถยนต์ก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน เช่น คนที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถเก๋ง อาจจะเปลี่ยนการตัดสินใจหันมาซื้อรถกระบะยกสูง เพราะสามารถใช้เป็นพาหนะในชีวิตประจำวัน มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่า ประหยัดเชื้อเพลิง มีความทนทานปลอดภัยกว่าในภาวะวิกฤติ ซึ่งก็จะทำให้สัดส่วนตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต่อตลาดรถกระบะ 1 ตัน มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่มีอัตราส่วนใกล้เคียงกันเมื่อปีที่ผ่านมา ก็จะเปลี่ยนเป็นสัดส่วนรถกระบะเพิ่มมากขึ้น ตราบใดที่ลูกค้ายังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องอุทกภัยอยู่ ซึ่งเราก็มั่นใจว่า รถกระบะทาทา ก็เป็นหนึ่งในคำตอบสำหรับผู้บริโภคที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคา” รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการลูกค้า บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
เกี่ยวกับ ทาทา มอเตอร์ส
ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2551 จากการร่วมทุนระหว่าง ทาทา มอเตอร์ส และกลุ่มบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตและจำหน่ายยานยนต์คุณภาพระดับโลก
ทาทา มอเตอร์ส เป็นบริษัทที่มีเครือข่ายธุรกิจทั่วโลก ทั้งในสหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ไทย และสเปน ซึ่งรวมไปถึงกิจการรถยนต์สัญชาติอังกฤษอย่างจากัวร์ และแลนด์โรเวอร์ ปัจจุบัน ทาทา มอเตอร์ส เป็นหนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์ยนต์ชั้นนำของโลก โดยเป็นผู้ผลิตรถโดยสารที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของอินเดีย และเป็นผู้ผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ชั้นนำในประเทศ นอกจากนี้ ทาทา มอเตอร์ส ยังเป็นผู้ผลิตรถบรรทุกและรถกระบะที่ใหญ่เป็นอันดับที่สี่ของโลก และเป็นผู้ผลิตรถโดยสารที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ทั้งนี้ ทาทา มอเตอร์ส ได้ผลิตและจำหน่ายยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถโดยสาร รถบรรทุก หรือรถเพื่อการพาณิชย์ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก และเป็นที่ยอมรับทั้งในในภูมิภาคยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชียอาคเนย์ และอเมริกาใต้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ http://www.tatamotors.co.th
หรือติดต่อ
ฐิติณี จารุวิจิตรรัตนา
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด
โทร: +662 261 5500
อีเมล์: Thitinee@tatamotors.com