L-3 Communications มุ่งมั่นนำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย แก่อุตสาหกรรมการบินในเมืองไทย

ข่าวเทคโนโลยี Friday February 6, 2004 16:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--Amexteam
L-3 Security & Detection System, Inc., ผู้นำของโลกด้านเครื่องเอกซเรย์รักษาความปลอดภัยและเครื่องตรวจจับอาวุธและโลหะ นำเสนอความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยแก่อุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย
มร.โจเซฟ พารีซี ประธานบริษัท L3 Communication Security and Detection System เปิดเผยว่า จากประสบการณ์อันยาวนานกว่า 30 ปี ในด้านการออกแบบ, ผลิตและติดตั้งระบบเอกซเรย์รักษาความปลอดภัย ของฝ่าย Security & Detection Systems จากบริษัท L-3 Communications เราถือเป็นผู้นำของโลกทางด้านการวางระบบเอกซเรย์รักษาความปลอดภัยและเครื่องตรวจจับอาวุธและโลหะ ขณะนี้เราพร้อมที่จะนำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีของระบบรักษาความภัยให้แก่อุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเมืองไทย เช่น การบิน และขนส่ง เป็นต้น
ปัจจุบัน L-3 เป็นผู้วางระบบรักษาความปลอดภัยทั่วโลกมากถึง 18,000 เครื่อง ระบบดังกล่าว ทำงานได้ทั้งในระยะใกล้และไกล สามารถ Scan ได้รอบ 360 องศา และประมวลผลเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งสามารถตรวจจับวัตถุต้องสงสัยหรือระเบิด, อาวุธปืน, สินค้าเถื่อน และยาเสพติด ที่อยู่ตามสนามบินพาณิชย์หลัก, ตามสถานกักกันต่าง ๆ, ที่ทำการไปรษณีย์ และหน่วยงานราชการต่าง ๆ
L-3 Communications Security & Detection System ได้มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทางรัฐบาลไทย เพื่อที่จะพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศ โดยเฉพาะทาง L-3 ยังชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ของไทย ที่ได้พิจารณาคัดเลือก ระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (Explosive Detection System) ซึ่งได้มาตรฐานรับรองจากองค์กร Federal Aviation Administration ประเทศสหรัฐอเมริกา การติดตั้งระบบดังกล่าว จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินานาชาติแห่งใหม่ เป็นหนึ่งในสนามบินที่มีความปลอดภัยมากที่สุดของโลก ซึ่งจะส่งผลทำให้กรุงเทพมีชื่อเสียง โดยศูนย์กลางการบินชั้นในในภูมิภาคเอเซียอีกด้วย
L-3 Communications เป็นซัพพลายเออร์ หนึ่งในสองราย ที่ได้เสนอระบบ EDS และได้เคยร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่สนามบินนานาชาติแห่งใหม่
“ระบบ EDS ระบบตรวจจับวัตถุต้องสงสัย หรือที่เรียกกันว่า eXaminer 6000 เป็นเทคโนโลยีระบบตรวจจับวัตถุระเบิดล่าสุด พัฒนาจากระบบ Computer Tomography ถือเป็นระบบที่สมบูรณ์แบบที่กำลังสนองความต้องการของสนามบินนานาชาติชั้นนำในปัจจุบัน มีระดับความเร็วในการตรวจจับสูงที่สุด ให้ความแม่นยำในการประมวลผล มีอัตราความผิดพลาดต่ำที่สุด การใช้งานมีประสิทธิภาพสูง เมื่อเทียบกับระบบอื่น ๆ ทั่วไป” มร. โจ กล่าวอย่างมั่นใจ
มร.โจเซฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม เมื่อ 11 กันยายน 2001 การดูแลรักษาความปลอดภัยในสนามบิน มีความเข้มงวดมากขึ้น ผู้ควบคุมและรัฐบาลต่าง ๆ ได้พยายามพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งออกมาตรการรักษาความปลอดภัยขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันและต่อต้านภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้ายที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมการบินของประเทศ และเพื่อตอบสนองอย่างรวดเร็วจากภัยก่อการร้ายที่เกิดขึ้น ทำให้ท่าอากาศยานหลายแห่ง ได้พยายามพัฒนามาตรการระบบรักษาความปลอดภัยขึ้นมา โดยใช้ระบบควบคุมและติดตั้งระบบการตรวจจับผู้รุกล้ำ พร้อมทั้งการตรวจเช็คอย่างเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องการไม่ให้ภัยคุกคามหรือวัตถุแปลกปลอมต่าง ๆ เข้ามายังส่วนสำคัญต่าง ๆ ในสนามบิน
สำหรับ L-3 Security & Detection Systems แล้ว ปัจจุบันมีไลน์ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัย 4 กลุ่ม คือ กลุ่ม Convention X-ray กลุ่ม Automated Explosive Detection Systems กลุ่ม Certified Detecton Systems; และกลุ่ม Cargo X-ray Solution ผลิตภัณฑ์ในแต่ละกลุ่มใช้เทคโนโลยีชั้นสูง หรือ X-ray เทคโนโลยี
ปัจจุบัน L-3 Security & Detection Systems มีลูกค้าหลัก ๆ เช่น Singapore Changi Airport ซึ่งเมื่อเดือนธันวาคม 2002 ได้เซ็นสัญญาติดตั้งระบบ Baggage Screening มีมูลค่าถึง 25 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ในปัจจุบันตามท่าอากาศยานนานาชาติหลายแห่ง เช่น ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง, กัวลาลัมเปอร์, อินชอง, ลอนดอน ฮีโทรล, บอสตัน โลแกน และเมลเบิร์น ต่างก็ติดตั้งระบบตรวจจับวัตถุต้องสงสัย จาก L-3 ด้วยกันทั้งสิ้น
เมื่อเดือนมกราคม 2003 ที่ผ่านมา L-3 ได้งานเซ็นสัญญาติดตั้งระบบ Baggage Screening System ซึ่งมีมูลค่า 45 ล้านเหรียญสหรัฐ จากท่าอากาศยานสิงคโปร์ ชานจี และยังได้รับความไว้วางใจเข้าไปติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่หน่วยงาน Civil Aviation ของประเทศสิงคโปร์อีกด้วย เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2004 ที่ผ่านมา
มร.โจเซฟ ยังคาดหวังว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็จะเป็นสนามบินอีกแห่ง ที่ได้รับความไว้วางใจและได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีของ L-3 ซึ่งทางเราก็มีความมุ่งมั่น ที่จะได้นำเสนอเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีและล้ำหน้าที่สุดมาสู่ประเทศไทย เพื่อให้ก้าวเป็นสนามบินชั้นนำในภูมิภาค เอเซียต่อไป
Contact: Daniel Goh
Manager, Business Development
L-3 Communications, Security and Detection Systems — Asia Pacific
+65-6787-0118
Daniel.goh@L-3com.com
Contact: Bonnie Bowes
Marketing Communications Manager
L-3 Communications, Security and Detection Systems
781-939-3989
bonnie.bowes@L-3com.com--จบ--
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ