กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--มูลนิธิสยามกัมมาจล
วิกฤตการณ์น้ำท่วมใกล้จะผ่านพ้นไป แต่พอน้ำลด ขยะกองพะเนินเทินทึกสูงเท่าภูเขาก็ปรากฏ ซ้ำเติมให้ผู้ประสบภัยยิ่งต้องเดือดร้อนกับการแก้ปัญหา ไหนจะมลพิษทางกลิ่น ความไม่สวยงามที่ปรากฏแก่สายตา และโรคร้ายที่มากับหนู -แมลง ฯลฯ ทว่า ปัญหาการจัดการขยะก็หาใช่จะเป็นเรื่องที่ยากเกินเยียวยา หากเรามียาดีที่ชื่อ “จิตอาสา”
เช่นเช้าอันแจ่มใสของวันเสาร์ที่ 3 ธ.ค.นี้ อาสาสมัครเยาวชนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ได้สมัครใจมารวมตัวกันสวมรองเท้าบู๊ท ใส่ถุงมือยาง พกถุงดำ และจับไม้กวาดเล่มโตไปจัดการกับขยะที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทั้งนี้เพื่อคืนความสวยงามให้แก่พื้นที่ชาวชุมชนตลาดลาดสวาย คลอง 4 อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ร่วมกันกับเพื่อนพ้องจิตอาสาจากภาคส่วนต่างๆ และบรรดาผู้ใหญ่ใจดีจากหลากหลายองค์กรที่จัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ครั้งนี้ขึ้น นำโดยคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 และมูลนิธิสยามกัมมาจล รวมอาสาสมัครที่มาร่วมงานทั้งสิ้นกว่าแปดร้อยคน
ด้วยความร่วมแรงร่วมใจ ภายหลังกิจกรรมทำความสะอาดดำเนินไปได้ไม่กี่อึดใจ ทั้งขยะเปียกและขยะแห้งที่ระเกะระกะบนถนนหนทาง และที่ค้างคาตามตรอกซอกซอยเป็นจำนวนมากก็เริ่มค่อยๆ อันตรธานหายไป และไปทดแทนพื้นที่ว่างบนหลังรถบรรทุกสิบล้อหลายสิบคันแทน แม้จะร้อน เหนื่อย และต้องทนกับความสกปรกของขยะนานาชนิด แต่น้องๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดีใจ” ที่ได้มา
น้องต่าย “ชนัดดา กลิ่นมาหอม” อาสาสมัครที่มาร่วมกิจกรรม บอกว่า ตั้งใจอยากลองมาทำตรงนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานอาสาหลังน้ำท่วม เพราะที่บ้านที่อยู่ย่านสะพานใหม่เองก็น้ำท่วมเหมือนกัน น้ำเข้ามาในบ้านสูงถึงหัวเข่า วันนี้น้ำลดแล้ว จึงตั้งใจมาทำประโยชน์ให้แก่คนอื่นบ้าง รู้สึกตกใจและสงสาร เพราะหลังน้ำลดแล้วก็ยังมีขยะตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
น้องปู “สุรีย์พร ศุภชัยพานิชพงษ์” บอกว่า มาเพราะเพื่อนชวนมา เพราะเห็นว่าใกล้บ้านที่ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งก็เพิ่งผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมมาเหมือนกัน จึงเข้าใจความรู้สึกของผู้ประสบภัยว่าการจัดการขยะในช่วงน้ำท่วมเป็นอย่างไร หากเราสามารถเข้ามาช่วยแบ่งเบาเขาตรงนี้ได้บ้าง ก็น่าจะเป็นการดี อย่างน้อยก็ช่วยให้เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เมื่อมาแล้วก็ได้ความรู้สึกสบายใจกลับไปจากการเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือ
ส่วน น้องโอ๊ค “ภัทรพล วนแสน” ซึ่งเล่าว่าเคยมีประสบการณ์การทำงานจิตอาสามาบ้างแล้ว สะท้อนว่า มาร่วมทำความสะอาดเพราะอยากได้ประสบการณ์จิตอาสาเพิ่มขึ้น เมื่อมาแล้วก็ไม่ผิดหวัง ได้พบประสบการณ์ และเพื่อนใหม่ๆ ที่สำคัญได้มาเห็นน้ำท่วมและผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนกับตาตัวเอง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ติดตามสถานการณ์แต่จากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ได้มาเห็นแล้วจึงรู้ว่าแม้ระดับน้ำจะลดลง และบางพื้นที่น้ำแห้งแล้ว แต่ความเดือดร้อนจากปัญหาขยะและอื่นๆ ก็ยังมีอยู่
“ผมอยากให้พี่น้องคนไทยได้ออกมาช่วยเหลือกัน บ้านไหนที่ประสบกับปัญหาด้วยตัวเองก็ต้องออกมารับผิดชอบจัดการปัญหาของตัวเองด้วย ไม่รอแต่ให้คนอื่นมาช่วยเพราะเราต้องเป็นที่พึ่งของตัวเราเองก่อน และเมื่อเราทำในส่วนของเราเสร็จแล้วก็อยากให้ช่วยเหลือคนอื่นด้วย อาจเริ่มจากที่บ้านญาติ บ้านของเพื่อนบ้าน และบ้านของคนอื่นๆ ต่อไป” เยาวชนจิตอาสาฝากปิดท้าย
เชื่อแน่ว่า ถ้าสังคมไทยมียาดีที่ชื่อ “จิตอาสา” ไว้ประจำทุกครัวเรือน วิกฤติการณ์ต่างๆ จากน้ำท่วมครั้งนี้ก็จะผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว