พีดีเฮ้าส์ หนีน้ำท่วม ลุยเปิดสาขานครสวรรค์หวังปั้นตลาดรับสร้างบ้านตจว.โตปี 55

ข่าวอสังหา Wednesday December 7, 2011 15:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น อุทกภัยครั้งใหญ่ส่งผลสะเทือนตลาดรับสร้างบ้านในกทม.และปริมณฑล พีดีเฮ้าส์ เร่งปรับตัวเปิดตลาดใหม่ตจว. เปิดแฟรนไชส์รับสร้างบ้านสาขาที่ 24 หลังน้ำลดทันที ปักธงจังหวัดนครสวรรค์เมืองเศรษฐกิจการค้าและสินค้าเกษตร หวังปั๊มยอดขายสาขานครสวรรค์ปีหน้าเบาะๆ 50 ล้านบาท พร้อมชะลอแผนขยายสาขาปี 54 จากเดิม 28 เหลือ 26 สาขา โอดโดนผลกระทบน้ำท่วมทำให้เปิดไม่ทัน เชื่อตลาดรับสร้างบ้านปีนี้และปี 55 ตจว.เติบโตกว่ากทม. พิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของและผู้บริหารสิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ยอดขายหรือยอดสั่งสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 4 ของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบบ้างจากปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะยอดสั่งสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลหายไปกว่า 60% แต่ในทางตรงกันข้ามยอดขายและสั่งสร้างบ้านในต่างจังหวัดกลับเติบโตได้ดี ทั้งจังหวัดทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ที่ยังมีลูกค้ามาใช้บริการสร้างบ้านกันอย่างคึกคัก โดยบริษัทฯ คาดว่าไตรมาสสุดท้ายนี้จะมียอดขายบ้านจากสาขาในต่างจังหวัดประมาณ 200 ล้านบาท สำหรับสาขาในเขตกทม.และปริมณฑลไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมได้ส่งผลในแง่จิตวิยาต่อผู้บริโภคที่น่าจะชะลอการสร้างบ้านใหม่ออกไประยะหนึ่ง ทั้งนี้ประเมินว่ายอดขายบ้านรวมจากทุกสาขาทั่วประเทศของบริษัทฯ ในปี2554 นี้ประมาณ 700 ล้านบาท ปัจจุบันศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ มีสาขาเปิดให้บริการรับสร้างบ้านอย่างเป็นทางการแล้วทั้งสิ้น 24 สาขา แบ่งเป็นสาขาตั้งอยู่ในเขตกทม.และปริมณฑลจำนวน 6 สาขา และสาขาในต่างจังหวัดจำนวน 18 สาขา ทั้งนี้ตามแผนการขยายสาขาของบริษัทฯ เดิมตั้งเป้าไว้จะเปิดสาขาให้ครบ 28 สาขาในปี 2554 นี้แต่หลังจากประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมในหลายๆ จังหวัดจึงได้ปรับลดลงเหลือเพียง 26 สาขา เพราะไม่สามารถเปิดได้ทันตามแผนฯ อย่างไรก็ดีเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทฯ ได้ทำการเปิดสาขาแห่งใหม่อย่างเป็นทางการได้แก่ สาขานครสรรค์ นับเป็นสาขาที่ 24 โดยสาขานี้เป็นการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ ทั้งนี้การขยายสาขานครสวรรค์ถือเป็นแนวทางหนึ่ง ในการปรับตัวขององค์กรและธุรกิจ เพื่อจะเพิ่มยอดขายในพื้นที่หรือตลาดใหม่ๆ มาชดเชยกับยอดขายในกทม.ที่ลดลงช่วงน้ำท่วมและในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า นางสาว ณัฐาภร จิรังกรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นครสวรรค์ รับสร้างบ้าน จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สาขานครสวรรค์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองและหุ้นส่วนเคยทำงานอยู่บริษัทรับเหมาก่อสร้างและบริษัทพัฒนา อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ในตำแหน่งวิศวกรและรับผิดชอบเกี่ยวกับงานก่อสร้างมานานหลายปี จนสามารถสะสมเงินทุนและประสบการณ์ได้ก้อนหนึ่ง เมื่อถึงจุดอิ่มตัวก็สนใจจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จึงได้ลองศึกษาและเปรียบเทียบการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์หลายๆ กิจการ ซึ่งก็พบว่าแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ มีจุดเด่นและความน่าสนใจทั้งในแง่ของเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก โอกาสทางธุรกิจและตลาดสร้างบ้านที่ยังเปิดกว้าง ที่สำคัญเป็นธุรกิจที่ตรงกับสายวิชาชีพของตัวเองด้วย รวมถึงพื้นที่หรือทำเลที่เลือกเปิดสาขานั้นก็ตรงใจ เพราะจังหวัดนครสวรรค์เป็นบ้านเกิดของตนเอง นอกจากนี้นครสวรรค์นับเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางการค้า เพราะเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดทางภาคเหนือและภาคกลาง โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูปทางการเกษตรต่างๆ ปี 2555 บริษัทฯ คาดว่าจะมีลูกค้าทั้งในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดอุทัยธานี พิจิตร กำแพงเพชร มาใช้บริการสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์สาขานครสวรรค์ ประมาณ 40-50 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เองจะเน้นทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ในท้องถิ่นเป็นหลัก เพื่อให้เป็นที่รับรู้และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ เช่น นายแพทย์ นักธุรกิจท้องถิ่น ข้าราชการ ซึ่งประเมินว่าเป็นกลุ่มใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง และให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพจากผู้ประกอบการมืออาชีพ ทั้งในแง่คุณภาพและบริการที่มีมาตรฐานของศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ทุกสาขาทั่วประเทศ นายพิศาล กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากได้รับผลกระทบน้ำท่วม บริษัทฯ ได้ปรับเป้ายอดขายบ้านในปีนี้ลงจากเดิม 1,000 ล้านบาท เหลือเพียง 700 ล้านบาทเศษ โดยคาดว่าจะเป็นยอดขายในกทม.และปริมณฑลประมาณ 300 ล้านบาทเศษ หรือคิดเป็น 42% และยอดขายจากตจว.ประมาณ 400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ทั้งนี้นับเป็นปีแรกที่ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ มียอดขายหรือยอดสั่งสร้างบ้านในต่างจังหวัด มากกว่ากทม.และปริมณฑล สำหรับในปีหน้าก็เชื่อว่าแนวโน้มยอดขายบ้านในต่างจังหวัดน่าจะเติบโตเช่นปีนี้ โดยเหตุผลหลักๆ คือ 1.การขยายสาขาในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นของบริษัทฯ 2.การชะลอตัวของตลาดสร้างบ้านในกทม.จากผลกระทบจากน้ำท่วม 3.พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาสร้างบ้านสำรองหลังที่ 2 ในต่างจังหวัดมากขึ้น เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ