กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--คอร์ & พีค
การวิเคราะห์ของแซสช่วยบริษัทชั้นนำต่างๆ เช่น ICBC, ธนาคารไชน่ากวงฟา, ฮุนได มารีน แอนด์ ไฟร์ อินชัวแรนซ์, เคดีดีไอ และอื่นๆ ได้อย่างเห็นผล
ในสถานการณ์ของบริษัทที่มี "ข้อมูลขนาดใหญ่" (Big Data) มีเพียงบริษัทไม่กี่แห่งที่สามารถรับมือกับการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ได้เหมือนกับธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน (Industrial and Commercial Bank of China Ltd.: ICBC) หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนลูกค้า 220 ล้านคน และดูแลบัญชีลูกค้า 600 ล้านบัญชี โดยธนาคารต้องประมวลผลทรานแซคชั่นต่อวันมากถึง 200 ล้านรายการ และเพื่อกลั่นกรองข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลดังกล่าว ธนาคารจึงเลือกใช้ซอฟต์แวร์จากบริษัท แซส ซึ่งเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์และบริการการวิเคราะห์ธุรกิจ เพื่อช่วยให้ธนาคารสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น สร้างระบบลูกค้าสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้น และสามารถปรับปรุงการจัดการด้านความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยจำนวนบัญชีที่มีอยู่เดิมและข้อมูลทรานแซคชันรวมทั้งข้อมูลจากการชำระเงินผ่านระบบมือถือและช่องทางใหม่อื่นๆ ทำให้ธนาคาร ICBC ต้องพบกับปัญหาภาวะข้อมูลท่วมท้นเหมือนกับที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกเผชิญอยู่ในปัจจุบัน แต่ด้วยเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ที่สามารถปรับขยายได้จากบริษัท แซส ทำให้องค์กรธุรกิจที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับธนาคาร ICBC สามารถพบมุมมองธุรกิจต่างๆ มากมายที่มีอยู่ในข้อมูลที่ท่วมท้นเหล่านั้น ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถแข่งขันและประสบความสำเร็จในตลาดได้
ธนาคารไชน่ากวงฟา ธนาคารแห่งแรกของจีนที่ให้บริการออกบัตรเครดิตและเป็นหนึ่งในบริษัทที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ธนาคารแห่งนี้พบกับภาวะข้อมูลท่วมท้นเมื่อต้องเตรียมการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในฮ่องกงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น ธนาคารต้องจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตสำหรับผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วของธนาคารซึ่งมีการออกบัตรไปแล้วกว่า 12 ล้านใบ ด้วยเหตุนี้ธนาคารไชน่ากวงฟาจึงเลือกใช้แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและสามารถปรับขยายได้ของแซสเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลของตน
"การวิเคราะห์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธนาคารไชน่ากวงฟา เนื่องจากสามารถช่วยจัดการและสร้างมูลค่าจากข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า การดำเนินงาน ความเสี่ยงด้านเครดิต และอื่นๆ" ดร.หย่าเฉิน หลิน ซีอาร์โอศูนย์บัตรเครดิตธนาคารไชน่ากวงฟา กล่าว และว่า "บริษัท แซส ช่วยให้เรามีเฟรมเวิร์กการวิเคราะห์ที่แข็งแกร่งและได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถตอบสนองความต้องการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ อีกทั้งยังทำให้ธนาคารของเราแตกต่างจากคู่แข่งและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำตลาดของเราอีกด้วย เมื่อใช้การวิเคราะห์ของแซส ธนาคารไชน่ากวงฟาจึงพร้อมแล้วสำหรับอนาคต ไม่ใช่อนาคตของการถือครองไอพีโอแต่จะหมายถึงการรับมือกับข้อมูลที่กำลังจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"
บริษัท มาเลเซีย บิลดิ้ง โซไซตี้ เบอร์ฮาด (MBSB) ใช้ SAS Rapid Predictive Modeler เพื่อช่วยลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และนำเสนอมุมมองที่แม่นยำเกี่ยวกับลูกค้าของตน คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์อินเดีย (SEBI) ใช้การวิเคราะห์ของแซสเพื่อลดระยะเวลาในการสอบสวนและสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นในงาน The Premier Business Leadership Series ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นงานประชุมสำหรับผู้มีบทบาททางความคิดที่จัดโดยบริษัท แซส โดยงานนี้มีผู้เข้าร่วมงานที่มีตำแหน่งระดับสูงทั้งจากภาครัฐและเอกชนกว่า 600 รายที่มาร่วมแบ่งปันแนวความคิดและความรู้เกี่ยวกับประเด็นสำคัญทางธุรกิจ
เกี่ยวกับบริษัท แซส
บริษัท แซส เป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์และบริการการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจและเป็นผู้ค้าอิสระรายใหญ่ที่สุดในตลาดธุรกิจอัจฉริยะ (BI) ด้วยโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมที่ส่งมอบให้ลูกค้าในรูปของ Integrated Framework ทำให้บริษัท แซส สามารถช่วยลูกค้าที่นำโซลูชั่นของแซสไปใช้แล้วเป็นจำนวนกว่า 50,000 แห่งทั่วโลกในการปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีและรวดเร็วขึ้น นับตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา บริษัท แซสได้มุ่งมั่นที่จะมอบพลังแห่งการรอบรู้ (The Power to Know) ให้กับลูกค้าทั่วโลก