กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--วารสารการเงินธนาคาร
เปิดทำเนียบ 500 เศรษฐีหุ้นไทย 2011 ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ แห่งพฤกษา รั้งตำแหน่งแชมป์เป็นปีที่ 2 รวย 1.9 หมื่นล้าน ตามด้วยอันดับ 2 อนันต์ อัศวโภคิน ค่าย L&H รวย 1.5 หมื่นล้าน ด้านคีรี กาญจนพาสน์ เจ้าพ่อ BTS ครองหุ้นรวม 1.3 หมื่นล้าน ผู้ถือหุ้นใหญ่ BGH วิชัย ทองแตง - น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ - สาธิต วิทยากร ผงาดขึ้นอันดับ 4-6 เผยพิษวิกฤติหนี้ยุโรปฉุดตลาดหุ้นดิ่งทั่วโลก ทำเศรษฐีหุ้นไทยจนลง 2.4 หมื่นล้าน
นับเป็นปีที่ 18 แล้ว ที่ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของเศรษฐีหุ้นในปี 2554 ซึ่งวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2554 จำนวน 5,480 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 666,075 ล้านบาท ลดลงจากปี 2553 ถึง 24,156 ล้านบาท หรือ 3.5% เท่ากับจนลงเฉลี่ยวันละ 66.18 ล้านบาท
สาเหตุหลักที่ความมั่งคั่งของ 500 เศรษฐีหุ้นไทยลดลง เนื่องจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 ซึ่งใช้เป็นฐานในการคำนวณมูลค่าการถือครองหุ้นของบรรดาเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2554 ตกลงจาก 975.30 ในปี 2553 มาอยู่ที่ 916.21 โดยลดลง 59.09 จุด หรือ 6.06% และส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ลดลงเหลือ 7,502,277.19 ล้านบาท โดยมีมูลค่าลดลงถึง 390,807.82 ล้านบาท จาก Market Cap ในปี 2553 ที่ 7,893.085.01 ล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรปที่มีปัญหายาวนานมาเป็นเวลากกว่า 1 ปีครึ่ง โดยมีจุดเริ่มต้นที่ประเทศกรีซ ซึ่ง ณ เวลานี้ กำลังแบกรับระดับหนี้สาธารณะที่สูงกว่า 160% ของจีดีพี แม้ว่าผู้นำของประเทศสมาชิกยูโรโซนใช้ความพยายามในการแก้ไข และประคับประคองสถานการณ์วิกฤติหนี้ยุโรป เพื่อสกัดและลดความเสี่ยงของการลุกลามของปัญหาไปยังประเทศสมาชิกยูโรโซนอื่นๆ แต่ก็ยังไม่สามารถยุติปัญหาได้จนถึงปัจจุบัน
สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2554 ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2554 ตกเป็นของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ซึ่งเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 18,520.34 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 58.66% มูลค่า 18,516.57 ล้านบาท และหุ้น บมจ.ซีพโก้ (SEAFCO) บริษัทรับก่อสร้างงานฐานรากและงานโยธาทั่วไป ในสัดส่วน 0.66% มูลค่า 3.77 ล้านบาท
ความมั่งคั่งของ ทองมา แชมป์เศรษฐีหุ้นในปีนี้ มีมูลค่าลดลงถึง 12,901.92 ล้านบาท หรือ 41.06% สาเหตุสำคัญเนื่องมาจากราคาหุ้น PS ปรับลดลง 10 บาท หรือ 41.15% จาก 24.30 บาท มาอยู่ที่ 14.30 บาท ในวันที่ 30 กันยายน 2554
เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อดีตแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อน ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 15,490.82 ล้านบาท รวยลดลง 2,144.49 ล้านบาท หรือ 12.16%
อนันต์ ถือหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.76% มูลค่า 15,487.16 ล้านบาท และ บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.36% มูลค่า 3.66 ล้านบาท ซึ่งราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัทที่อนันต์ถือครองนั้นล้วนแต่ปรับตัวลดลง โดย LH ลดลง 0.90 บาท จาก 7.40 บาท เหลือ 6.50 บาท และ MANRIN ลดลง 0.30 บาท จาก 1.30 บาท เหลือ 10 บาท
ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น นอกจากนี้ยอดจองบ้านในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่รอนโยบายบ้านหลังแรกและนโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาล จึงชะลอการตัดสินใจซื้อ และยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก ด้วยผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) โดยถือหุ้น BTS ในสัดส่วน 37.77% รวมมูลค่า 12,742.83 ล้านบาท ลดลง 5,073.31 ล้านบาท หรือ 28.48%
สำหรับเศรษฐีหุ้นอันดับ 4-6 ในปีนี้ ตกเป็นของ 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) โดยเศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ วิชัย ทองแตง ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 11,804.14 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้น BGH ในสัดส่วน 12.17% มูลค่า 11,532.14 ล้านบาท และหุ้น บมจ.ปุ๋ยเอ็นเอฟซี (NFC) 8.04% มูลค่า 272 ล้านบาท
เมื่อปีที่แล้ว วิชัย เป็นเศรษฐีหุ้นในอันดับ 391 โดยถือเพียงแค่หุ้น NFC เท่านั้น แต่มาในปีนี้ วิชัย ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของ BGH ส่งผลให้มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 4 หรือรวยขึ้น 11,532.14 ล้านบาท คิดเป็น 4,239.76%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 11 ในปี 2553 โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 9,870.25 ล้านบาท รวยขึ้น 3,772.17 ล้านบาท หรือ 61.86% ประกอบด้วยหุ้น BGH 10.39% มูลค่า 9,854.15 ล้านบาท และหุ้น บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) 0.79% มูลค่า 16.10 ล้านบาท
เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ สาธิต วิทยากร ก้าวขึ้นจากอันดับ 14 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยการถือครองหุ้น BGH สูงเป็นอันดับ 2 รองจากวิชัย ในสัดส่วน 10.01% รวมมูลค่า 9,483.62 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 4,245.37 ล้านบาท หรือ 81.05%
ทั้งนี้ในรอบปีที่ผ่านมาราคาหุ้นของ BGH ได้ปรับตัวเพิ่มสูงมาก จาก 39.50 บาท ขึ้นมาเป็น 64.00 บาท เพิ่มขึ้น 24.50 บาท หรือ 62.03%% ส่งผลให้บรรดาผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 รายรวยขึ้นมาติดอันดับ 4-6 กันถ้วนหน้า
ด้านทายาทโอสถสภา นิติ โอสถานุเคราะห์ ขึ้นจากอันดับ 6 มาอยู่อันดับ 7 ในปีนี้ ถือครองหุ้น 14 บริษัท มูลค่ารวม 7,569.66 ล้านบาท ลดลง 131.60 ล้านบาท หรือ 1.71%
ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ตกลงมาจากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ เจ้าของธุรกิจเสื้อชั้นในยี่ห้อ “ซาบีนา” วิโรจน์ ธนาลงกรณ์ โดยถือครองหุ้นมูลค่าเท่ากับปีที่แล้ว 6,328.48 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้น บมจ.ซาบีน่า (SABINA) 74.59% มูลค่ารวม 5,728.47 ล้านบาท และ บมจ. เซ็นทรัลอุตสาหกรรมกระดาษ (CPICO) 21.74% มูลค่า 600 ล้านบาท
เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 หล่นจากอันดับ 5 เมื่อปีก่อน ได้แก่ เจ้าของสยามแก๊ส วรวิทย์ วีรบวรพงศ์ ถือหุ้น บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) 54.13% รวมมูลค่า 5,708.17 ล้านบาท ลดลง 3,085.50 ล้านบาท หรือ 35.09% จากการที่ราคาหุ้น SGP ลดลง 6.00 บาท จาก 17.10 บาทเมื่อปีที่แล้วมาเหลือ 11.10 บาทในปีนี้
ด้านประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ปีนี้ก้าวขึ้นมาติด 1 ใน 10 เศรษฐีหุ้นไทยได้สำเร็จ โดยก้าวขึ้นจากอันดับ 20 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 10 ในปีนี้ โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 5,421.99 ล้านบาท รวยขึ้น 870.07 ล้านบาท หรือ 19.11%
ส่วนตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2554 ได้แก่ ตระกูลมาลีนนท์ ที่ครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 13 รวมมูลค่าความมั่งคั่ง 33,805.47 ล้านบาท ลดลง 10,370.99 ล้านบาท หรือ 41.08% เนื่องจากราคาหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) ปรับตัวลดลงจาก 38.75 บาทเหลือ 36.75 บาทในปีนี้ ตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ยังเป็นของตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์เช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดยครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์ ถือครองหุ้น บมจ.พฤกษา (PS) รวมมูลค่า 22,166.84 ล้านบาท รวยลดลงถึง 15,451.92 ล้านบาท หรือ 41.08% ตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ปีนี้ขึ้นจากอันดับ 5 มาอยู่ในอันดับ 3 โดยเครือญาติในตระกูล 26 คน ถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 21,340.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,015.39 ล้านบาท หรือ 16.45%
ด้านตระกูลอัศวโภคิน ปีนี้ตกลงไปอยู่อันดับ 4 โดย 7 เครือญาติ ถือครองหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 18,567.45 ล้านบาท ลดลง 3,301.45 ล้านบาท หรือ 15.10% สำหรับตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ ตระกูลทองแตง ที่ก้าวกระโดดขึ้นมาจากอันดับ 297 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 15,328.38 ล้านบาท มั่งคั่งเพิ่มขึ้น 15,016.93 ล้านบาท หรือ 4,821.59% ประกอบด้วยหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH), บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NFC) และ บมจ.ไดโดมอน กรุ๊ป (DAIDO)
ส่วนตระกูลชินวัตร ยังคงเหลือ 2 ทายาทของ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นในปีนี้ ได้แก่ ลูกสาวคนเล็ก แพทองธาร ชินวัตร (อิ๊ง) เศรษฐีหุ้นอันดับ 51 ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเซท (SC) 29.61% มูลค่า 2,094.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 576.55 ล้านบาท หรือ 37.97% และลูกสาวคนกลาง เอม พิณทองทา ชินวัตร เศรษฐีหุ้นอันดับ 52 ถือหุ้น SC 28.66% มูลค่า 2,027.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 557.95 ล้านบาท หรือ 37.97%
ส่งผลให้ตระกูลชินวัตรก้าวขึ้นจากอันดับ 39 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 30 ในปีนี้ โดย 2 ทายาทสาวถือหุ้นรวมมูลค่า 4,121.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,134.49 ล้านบาท หรือ 37.97%