กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--กบข.
ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป สมาชิก กบข. ทุกท่านสามารถติดต่อขอรับใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ประจำปี 2546 ได้ที่ส่วนราชการต้นสังกัดทุกแห่งพร้อมกันทั่วประเทศ
นางสาวนัชชา พรตปกรณ์ ผู้ช่วยเลขาธิการสายสมาชิก เปิดเผยถึงการจัดส่งใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ประจำปี 2546 ให้แก่สมาชิก กบข. ทั่วประเทศว่า ขณะนี้ใบแจ้งยอดเงิน บางส่วนได้ดำเนินการจัดพิมพ์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยและขณะนี้ กบข. ได้จัดส่งไปยังส่วนราชการบางแห่งแล้ว โดยเริ่มทยอยแจกจ่ายให้กับส่วนราชการต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานครก่อน สำหรับในต่างจังหวัดจะเริ่มทยอยจัดส่งได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป คาดว่าในราวสัปดาห์หน้านี้สมาชิก กบข. ทุกท่าน จะสามารถติดต่อขอรับใบแจ้งยอดเงินประจำปี 2546 ได้ที่ส่วนราชการต้นสังกัดทุกแห่งพร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับส่วนราชการในกรุงเทพฯ ติดต่อขอรับได้ที่สำนักงาน กบข. อาคารผาสุก ส่วนราชการในต่างจังหวัด ติดต่อขอรับได้ที่สำนักงานคลังจังหวัด
นอกจากนี้นางสาวนัชชา ยังกล่าวเพิ่มเติมต่อว่า โดยภาพรวมของใบแจ้งยอดเงินสมาชิก กบข. ประจำปี 2546 นี้ ยังคงเหมือนเดิม โดย กบข. ยังคงแสดงยอดเงินประเภทต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งเงินประเดิม เงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และดอกผลของเงินแต่ละประเภท ซึ่งสมาชิกสามารถนำใบแจ้งยอดเงินดังกล่าวไปแนบกับ ภ.ง.ด. 90 หรือ 91 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี ในส่วนของเงินสะสมตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินจำนวน 300,000 บาทต่อปี พร้อมกันนี้ กบข. ยังได้จัดส่งเอกสาร กบข. รายงานสมาชิก ซึ่งเป็นเอกสารที่ กบข. รายงานถึงผลประกอบการตลอดปี 2546 ที่ผ่านมา โครงการสวัสดิการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่และที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต รวมถึงการอธิบายถึงการบันทึกบัญชีสมาชิกในรูปของหน่วยลงทุนและมูลค่าต่อหน่วย (Unitization) และช่องทางการติดตามข้อมูลข่าวสารจาก กบข.
หากสมาชิกท่านใดที่ไม่ได้รับใบแจ้งยอดตรงตามเวลาดังกล่าว หรือประสงค์จะแก้ไขข้อมูล ขอให้ส่งเอกสารพร้อมหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องผ่านมาทางส่วนราชการต้นสังกัด เพื่อให้กองทุนดำเนินการแก้ไขและจัดส่งใบแจ้งยอดฉบับใหม่ต่อไป ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่การเงินส่วนราชการหรือสมาชิก กบข. มีข้อสอบถามเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก กบข. โทร . 1179 กด 6 หรือที่ member@gpf.or.th
เรื่องน่ารู้จาก กบข.
สิทธิประโยชน์ทางภาษีของสมาชิก กบข.
สมาชิก กบข.จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
1.การยกเว้นภาษีในส่วนของเงินสะสม โดยเงินได้ที่สมาชิกสะสมเข้า กบข.นั้น เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษีนั้นๆ
2.การยกเว้นภาษีในส่วนของเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกได้รับจาก กบข. เมื่อพ้นจากสมาชิกภาพ ซึ่งได้แก่ เงินประเดิม เงินสมทบ เงินชดเชย และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าว รวมทั้งผลประโยชน์ของเงินสะสมที่สมาชิกได้รับจาก กบข. เนื่องจากออกจากราชการด้วยเหตุสูงอายุ เหตุทุพพลภาพ เหตุทดแทน หรือเหตุเสียชีวิต จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่ต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวมารวมเป็นเงินได้ สำหรับคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษีที่สมาชิกได้รับเงินจำนวนนั้นจาก กบข.
เก็บมาฝากสมาชิก กบข.
เจ็บแล้วต้องจำ
เจ็บแล้วต้องจำ คนเราต่างก็เคยทำผิด หรือทำพลาดกันมาทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนทำงาน แม่เคยบอกไว้ว่าคนไม่เคยทำก็ไม่เคยผิด คนไม่เคยผิดก็คือคนไม่เคยทำ
ประเด็นอยู่ที่ว่า ผิดแล้ว เจ็บแล้วต้องจำ ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดผิด หรือ เจ็บซ้ำเจ็บซากอยู่อย่างนั้น คนเก่ง ก็คือคนที่ตระหนักได้เร็วว่าสิ่งที่ทำนั้นผิด หรือพลาดไปและหาทางแก้ไขได้รวดเร็ว โดยเฉพาะในโลกปัจจุบันที่มองไปดีๆ จะพบว่ามีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้น และมีความสามารถคิดได้เท่ากัน แต่สิ่งที่จะต่างกันก็อยู่ที่ ลงมือทำหรือแก้ไข ช้าหรือเร็วกว่ากันเท่านั้นเอง
ดังนั้นเรื่องต่างๆ ในชีวิตจึงมีสิ่งที่ผิด และ สิ่งที่ถูกเสมอ ดังนั้น การลงทุนเช่นกัน นักลงทุนมักจะเคยผิดพลาดไปกับการลงทุนกันมาทั้งนั้น หรือถ้าไม่ผิดพลาดก็นับว่าเป็นคนที่เก่งและเฮงจริงๆ
การลงทุนที่ผิดพลาด เท่ากับเราเสียเงินไป และคนอื่นก็ได้เงินเราไปนั่นเอง และส่วนใหญ่ที่สุดของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เกิดจาก ความไม่เข้าใจนั่นเอง เพราะคนที่อยากได้เงินของเราต่างก็พากันออกมาพูด หรือ สรรหาวิธีการต่างๆ ที่จะสามารถทำให้เราเชื่อ และ อยากจะได้ยิน เช่น ลงทุนในเวลานี้สิรับรองว่าคุณจะได้ผลตอบแทนอย่างงดงาม หรือ กู้เงินกับเราสิ ได้เงินเร็ว และ ดอกเบี้ยต่ำ
สารพัดจะสรรหามาให้โดนใจผู้ที่มี หรือ อาจไม่มีเงิน แต่กลับโลภมากโดยปราศจากความเข้าใจ ก็จะขวนขวายเอาเงิน หรือหาเงิน หรือแม้กระทั่งไปกู้เงิน เพื่อให้ได้ดังที่ได้ยินเขาพูดมา
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งในการวางแผนการนำเงินไปลงทุนอย่างยิ่งคือ การตัดสินใจเองอย่างรวดเร็วโดยไม่มีข้อมูลและความรู้ความเข้าใจ หลายคนที่ช่วงเวลาวิกฤติที่ผ่านมาต่างเจ็บตัวไปตามๆ กัน
แต่พอมาเห็นตลาดเงิน ตลาดทุนวันนี้ ที่เติบโตไป มองไปทางไหนก็เห็นคนอื่นรวยเอา ๆ ออกรถใหม่ป้ายแดงกันเป็นทิวแถว แต่เราต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า เจ็บแล้วต้องจำ ไม่ทำผิดซ้ำอีก
อีกทั้งแนวโน้มใหม่ของศตวรรษนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ลืมตาตื่นข้ามวัน อะไรๆ ก็เปลี่ยนได้ ดังนั้น แนวความคิดเดิมๆ สำหรับบุคคลธรรมดา ที่ว่าการก่อหนี้มากๆ เพื่อ (คาดว่า ) สร้างฐานะนั้น แนวโน้มสมัยใหม่ก็จะเปลี่ยนไปโดยจะเป็นไม่มีหนี้ดีที่สุด เพราะคนทำงานต้องการเกษียณก่อนกำหนด หรือไม่ก็ กึ่งๆ เกษียณ
หมายถึงการออกจากงานก่อนอายุ 60 แล้วไปรับทำงานเป็น Part Time หรือไปเป็นที่ปรึกษา จะได้ไม่ต้องทำงานเต็มเวลา และมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะในที่สุดสูงสุดย่อมคืนสู่สามัญเสมอ
ดังนั้น ประสบการณ์ที่ผ่านมา อย่าไปตื่นเต้น หรือ เศร้าโศก เราต้องคอยติดตามข้อมูล ข่าวสาร เปิดหู เปิดตา ที่สำคัญ เปิดใจให้กว้างเข้าไว้ เพราะ ทุกอย่างไม่ได้ทำมาสำเร็จรูปแล้วมากองไว้ให้เราในข้ามคืน ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องหัดที่จะควบคุม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการออม การลงทุน เพราะถ้าเราควบคุมการออม การลงทุน และ ความโลภของตัวเราเองได้แล้ว บวกไปกับประสบการณ์ที่ผ่าน ๆ มา
เป้าหมายของชีวิตที่จะมีความสุขในยามเกษียณ เราจะต้องบรรลุได้อย่างแน่นอน.
หากท่านมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ :-
ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิกโทร. 1179 กด 6 เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรง
หรือ email: member@gpf.or.th
หรือฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์กบข. ตู้ปณ. 19 ปณฝ. กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ 10411--จบ--
-รก-