กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
“นายบัณฑิต โชติวรรณพร” บิ๊ก บมจ. ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น หรือ TCC ผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหิน ในกลุ่มพลังงาน ยิ้มรับติดหนึ่งในบจ.ที่มีผลประกอบการที่ดีที่สุดประจำปี 54 พร้อมเดินหน้าธุรกิจ เพิ่มกำลังการการผลิตเต็มที่ รองรับออเดอร์ใหม่ มั่นใจจะคงอันดับและรักษาผลการดำเนินงานให้ดีขึ้น และเติบโตต่อเนื่องทุกปี
จากกรณีที่ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ได้ถูกจัดอันดับจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ติดหนึ่งในรายชื่อบริษัทมหาชนที่มีการเติบโตของยอดขายและกำไรที่ดีที่สุด งวด 9 เดือน ปี 2554 โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 227% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 146% นายบัณฑิต โชติวรรณพร กรรมการผู้จัดการ ได้เปิดเผยว่า การที่บริษัทฯมีผลงานโดดเด่นสามารถขึ้นไปติดหนึ่งในรายชื่อดังกล่าวนั้น เกิดจากรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เน้นการคัดสรรและจับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพจากหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรมม นอกจากนั้น บริษัทฯยังมีการเปิดโรงงานใหม่อีก 1 แห่ง ซึ่งใกล้กับฐานลูกค้า จึงช่วยลดต้นทุนในการจัดส่งถ่านหิน รวมทั้งเป็นการขยายกำลังการผลิตให้สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร และยอดขายของบริษัทฯ ให้สูงขึ้นไปพร้อมกัน และมั่นใจว่าบริษัทฯจะคงอันดับและรักษาผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นและเติบโตต่อเนื่องทุกๆปี
ทั้งนี้หลังจากการเปิดโรงงานใหม่ ส่งผลให้บริษัทฯมีความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ขณะที่ภายในปี 2554 ที่บริษัทฯติดอันดับบริษัทที่เติบโตดีที่ดีที่สุดของตลาดหลักทรัพย์ฯนี้ ณ ปัจจุบันด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 227% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว บริษัทยังคงมีกำลังการผลิตเหลืออยู่อีกกว่า 60-70% ของความสามารถในการผลิตทั้งหมด โดยยังคงความสามารถในการรองรับยอดขายที่บริษัทมีและกำลังจะเกิดขึ้นอีกได้อีกเกือบเท่าตัว และก้าวต่อไปของบริษัทนั้น บริษัทยังมุ่งที่จะซื้อเหมืองถ่านหินเพื่อต่อยอดการเติบโต และความมั่นคงของธุรกิจของบริษัทต่อไป
“ภาพรวมธุรกิจในปี 2555 ยอดขายยังเติบโตโดดเด่น ทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมกำไร เติบโตก้าวกระโดด เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามปณิธานของผู้บริหารที่มุ่งให้ TCC เป็นหุ้นพื้นฐานดี อนาคตไกล มองจากภาพรวมบริษัทในขณะนี้ บริษัทยังสามารถที่จะเติบโตไปได้อีกไกล เพราะการผลิตในทุกวันนี้บริษัทยังสามารถที่จะเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกเป็นเท่าๆ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนจ่ายเงินมากขึ้นในการผลิต ดังนั้นเราเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตและก้าวไปได้อีกไกลของเรา“ นายบัณฑิตกล่าว