ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ เสนอภาพยนตร์ เรื่อง "CHEAPER BY THE DOZEN"

ข่าวกีฬา Monday February 16, 2004 13:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์
ในอเมริกาทุกวันนี้ ที่โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละครอบครัวจะมีบุตรเป็นจำนวน 1.87 คน แต่ทอม เบเกอร์ (สตีฟ มาร์ติน) และภรรยาของเขา เคท (บอนนี่ ฮันท์) กลับตกลงปลงใจว่าชีวิตคงจะดีกว่า - หรือไม่ก็ถูกกว่า - ถ้าเหมาเป็นโหล
ครอบครัวเบเกอร์อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในอิลลินอยส์ โดยทอมเป็นโค้ชให้กับทีมฟุตบอลของวิทยาลัยท้องถิ่น ชีวิตประจำวันของครอบครัวนั้นมีทั้งความรักและความโกลาหลอย่างละเท่าๆ กัน… ความโกลาหลแบบที่มีกบสัตว์เลี้ยงกระโดดลงมาบนไข่ตอนอาหารเช้า
เมื่อทอมได้รับข้อเสนองานในฝันของเขา - การเป็นโค้ชให้กับทีมมหาวิทยาลัย - เขาและเคทจึงต้องโยกย้ายทั้งครอบครัวไปด้วย ท่ามกลางความไม่พอใจของลูกๆ ทั้ง 12 คน ในเวลาเดียวกัน เคทก็เพิ่งรู้ว่างานเขียนบันทึกของเธอกำลังจะถูกตีพิมพ์ ตัวแทนจึงลากเธอไปยังนิวยอร์คเพื่อโปรโมทหนังสือ และทิ้งให้ทอมอยู่บ้านตามลำพังเพื่อรับมือกับครอบครัวที่ไร้ความสุขและยุ่งเหยิงมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งงานใหม่ที่แสนจะหนักหนาสาหัส
กับความวุ่นวายคล้ายนรกกำลังจะแตกที่บ้าน และเคทอยู่ระหว่างการเดินทาง บวกกับงานของทอมที่ดาหน้าเข้ามา ในที่สุดครอบครัวเบเกอร์จึงไม่เลือกที่จะได้ ทุกอย่าง แต่เลือกที่จะรักในสิ่งที่พวกเขา มี อยู่
CHEAPER BY THE DOZEN นำแสดงโดย สตีฟ มาร์ติน ("Bringing Down the House,") เป็น ทอม เบเกอร์ สุดยอดคุณพ่อใจกว้าง และบอนนี่ ฮันท์ ("Jerry Maguire") เป็น เคท แม่ผู้เชี่ยวชาญการบริหารเหตุฉุกเฉินประจำวัน ร่วมแสดงโดย ทอม เวลลิ่ง ("Smallville") เป็น ชาร์ลี ลูกชายคนโต, ฮิลารี่ ดัฟฟ์ ("Agent Cody Banks," "Lizzie McGuire") เป็น ลอร์เรน ลูกสาววัยรุ่นสุดแสบ, และไพเปอร์ เพราโบ ("Coyote Ugly") เป็น นอร่า ผู้มีอาวุโสมากที่สุดในโหลและเป็นคนแรกที่พร้อมบินออกจากรัง
ผู้กำกับฯ ฌอน เลวีย์ ซึ่งเคยทำงานกำกับฯ หนังบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง "Just Married" และ "Big Fat Liar" คว้าโอกาสที่จะนำเสนอแก่ผู้ชมในภาพยนตร์ที่ผสมผสานความฮาสมัยใหม่กับความประทับใจแบบเก่าที่คงคุณค่าดั้งเดิมของชีวิตครอบครัวที่หยั่งรากลึก "ความคิดของการเขียนจดหมายรักไปหาตัวเปิ่นของครอบครัวใหญ่ๆ เป็นสิ่งที่ดึงดูดผมเป็นอย่างมาก" เลวีย์บอก "CHEAPER BY THE DOZEN นั้นเกี่ยวกับครอบครัว ความซื่อสัตย์ และการจัดอันดับความสำคัญ"
ในความเห็นของเลวีย์ การได้ตัวสตีฟ มาร์ตินมารับบททอม เบเกอร์ ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวนั้น ได้ช่วยทำให้หนังถูกยกขึ้นสู่ระดับใหม่ "เมื่อเรามีมาร์ติน เราจะมีลำดับชั้นของตัวละครและความตลกที่ดียิ่งไปกว่าสิ่งที่เขียนไว้บนหน้าสคริปท์เสียอีก" เขากล่าว "สตีฟ สร้างชีวิตให้กับทอม เบเกอร์ ผ่านทางกายภาพและอารมณ์ขันในการพูดของเขา งานของเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อจบคำ""การได้สตีฟมา เป็นการคัดตัวแสดงในฝัน" ผู้อำนวยการสร้างโรเบิร์ต ไซมอนด์ส กล่าวเสริม "เขามีทั้งความตลกและอารมณ์ให้เรื่อง CHEAPER BY THE DOZEN อย่างที่เขามีให้กับการแสดงของเขาในหนังคลาสสิคหลายเรื่อง"
มาร์ตินซึ่งได้รับคำยกย่องจากการทำงานในหนังหมิ่นเหม่อย่าง "Roxanne" และ "The Spanish Prisoner" รวมทั้งหนังคอมเมดี้เรื่องฮิตของผู้ชมทุกวัยอย่าง "Parenthood" "Father of the Bride" และ "Bringing Down the House" ชื่นชอบมุมมองแนวใหม่ของ CHEAPER BY THE DOZEN "สคริปท์นำเสนอความแปลกใหม่ในเรื่องราวครอบครัว อย่างที่เราไม่ค่อยได้เห็นมากนักในหนังทุกวันนี้" เขากล่าว
เมื่อได้ตัวมาร์ตินแล้ว ทางผู้สร้างจึงมองหาผู้ที่จะสวมบทบาท เคท ยอดคุณแม่ และภรรยา ซึ่งจะต้องมีสารเคมีที่เข้มข้นพอที่จะผสมผสานกับสามีของเธอจนกระทั่งผลิตลูกๆ ออกมาได้ถึง 12 คน และพวกเขาได้พบเคทในตัวของนักแสดง/ดาราตลก บอนนี่ ฮันท์
เลวีย์มีความรู้สึกว่ามาร์ติน และฮันท์จะสามารถแสดงร่วมกันได้เป็นอย่างดี "สิ่งหนึ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุดกับหนังเรื่องนี้ก็คือการคัดเลือกตัวแสดง" เลวีย์บอก "พอเราได้ตัวสตีฟ แล้วจับเขามาคู่กับบอนนี่ เรารู้เลยว่าสารเคมีของทั้งสองจะกลายเป็นจุดใหญ่ใจความของหนัง"
นอกเหนือจากความเข้ากันได้ของทั้งสองคนในหนังแล้ว มาร์ตินและฮันท์ยังได้ให้บทเรียนที่ว่า สไตล์ที่แตกต่างกันสามารถรวมกันได้เหมือนมีเวทย์มนตร์ "สตีฟจะเตรียมพร้อมตลอดเวลา และรู้ดีว่าเขาอยากให้การแสดงออกมาเป็นแบบไหน" ไซมอนด์สกล่าว "บอนนี่จะเป็นคนที่มีสไตล์ เร็ว-และ-อิสระ กว่า มันเป็นเรื่องน่าสนใจที่ได้เฝ้าดูพลังของพวกเขา และแน่นอนว่าเรากระหายที่จะได้เห็นผลลัพธ์"
ฮันท์ ซึ่งโตมาในครอบครัวที่มีลูกเจ็ดคน รู้สึกชื่นชมที่หนังเรื่อง CHEAPER BY THE DOZEN มีเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวใหญ่ๆ เธอมองว่าบทบาทเคทเป็นเหมือนโอกาสที่จะแสดงความระลึกถึงบรรดาแม่ๆ ทุกคน
"ฉันเน้นว่าต้องแสดงให้เคทเป็นผู้หญิงที่ฉลาด" ฮันท์กล่าว "เป็นสิ่งสำคัญสำหรับฉันว่าเธอไม่ได้เป็นเพียง 'คุณแม่' เพราะว่า เช่นเดียวกับแม่อีกหลายๆ คน เคทเป็นคนที่ซับซ้อนและมีสามมิติ เธอรักสามีของเธอมาก และเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ แต่เคทมีหลายอย่างที่อยู่ในหัวใจและความคิดของเธอ ที่สามีและลูกๆ ของเธออาจไม่เคยรู้ แต่มันซ่อนอยู่ในเบื้องลึกเสมอมา"
"มันสนุกมากที่ได้เล่นเป็นเคท และขุดลึกลงไปว่าอะไรคือแรงดลใจของเธอ : ความรัก ความอดทน และอารมณ์ขันเป็นอย่างมาก"
ทักษะในการแสดงตลกของฮันท์ได้ช่วยเสริมความลึกให้กับตัวละคร และเพิ่มระดับให้กับความตลกเวลาเข้าฉาก "ถ้าคุณเป็นนักแสดงที่อยู่ร่วมฉากกับบอนนี่ ฮันท์ คุณต้องมีจุดยืนของตัวเอง" เลวีย์ กล่าว "สตีฟ มาร์ตินและนักแสดงคนอื่นๆ ได้เรียนรู้สิ่งนั้นจากบอนนี่ คุณไม่มีทางรู้ล่วงหน้าว่าจะเจอกับอะไรในเทคต่อเทค แต่เรามั่นใจเสมอว่าเธอจะกดปุ่มที่ถูกต้องและผลักดันเปลือกหุ้ม แล้วเราก็ต้องเล่นไปตามน้ำหรือไม่งั้นก็จบ"
ในการคัดเลือกบรรดาเด็กๆ เบเกอร์ ทีมผู้สร้างอยากได้บรรดานักแสดงใหม่ที่ทั้งเป็นที่นิยม และมีชื่อเสียงให้มารวมตัวกัน สำหรับบทของชาร์ลี ลูกชายคนโตซึ่งไม่มีความสุขเพราะต้องโยกย้ายจากโรงเรียนมัธยมที่บ้านเกิดและจากแฟนสาวของเขามานั้น ทีมผู้สร้างได้เลือกทอม เวลลิ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักดีจากผลงานแสดงของเขาในบท คลาร์ก เคนท์ วัยเด็ก ทางซีรี่ส์โทรทัศน์ "Smallville"
เวลลิ่งยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนักแสดงที่มารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งโอกาสที่ได้ร่วมงานกับสตีฟ มาร์ติน หนึ่งในบรรดาผู้ที่เขาชื่นชม "CHEAPER BY THE DOZEN เป็นเรื่องที่สนุกสนาน" เวลลิ่งกล่าว "มีองค์ประกอบดีเยี่ยมมากมาย - และต่างกับสิ่งที่ผมทำในทีวีด้วย ผมชอบความคิดที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมนักแสดงกลุ่มใหญ่ และผมรักเด็ก ผมรู้ว่าผมจะเรียนรู้ได้มากจากสตีฟ มาร์ติน"
อีกหนึ่งดารารุ่นใหม่วัยป็อพ ฮิลารี่ ดัฟฟ์ แห่ง "ลิซซี่ แมกไกวร์" มารับบท ลอร์เรน สาววัยรุ่นที่หมกมุ่นกับเรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า และทรงผม มากกว่าจะวุ่นวายกับเรื่องยุ่งๆ ในครอบครัว ดัฟฟ์สนุกสนานกับการทำงานในหนังคอมเมดี้เรื่องใหญ่ รวมทั้งสีสันและความลึกของตัวละคร "หนังเรื่องนี้แสดงถึงช่วงเวลาวุ่นๆ ที่ครอบครัว 14 คนต้องเผชิญ - ทั้งดีและร้าย" ดัฟฟ์กล่าว
"ตัวละครของฉัน ลอร์เรน เป็นคนที่ตามแฟชั่นมากๆ เสื้อผ้า ทรงผม และเครื่องสำอาง และชอบใช้เวลาส่วนมากอยู่หน้ากระจก แต่ในอีกแง่หนึ่ง เธอทำให้เกิดสมดุลย์ในครอบครัว สิ่งต่างๆ ทั้งบ้าคลั่งและวุ่นวาย และลอร์เรน ซึ่งเป็นหนึ่งในพวกเด็กโต ช่วยประสานมันเข้าด้วยกัน"
ไพเปอร์ เพราโบ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างมากจากบทบาทของเธอใน "Coyote Ugly" เป็นนอร่า - พี่สาวคนโตของลอร์เรน และเป็นลูกคนแรกที่บินออกจากรัง หลังจากที่ย้ายไปชิคาโกเพื่อตามหาความฝันของเธอทั้งด้านความรักและอาชีพ กิจวัตรของนอร่าก็ถูกรบกวนเมื่อครอบครัวของเธอย้ายตามมาอยู่ใกล้ๆ เมื่อพ่อของเธอขอความช่วยเหลือในช่วงที่ครอบครัวระส่ำระสาย ตอนที่แม่เคทไม่อยู่
"นอร่าตกที่นั่งลำบาก เพราะเธออยากเป็นตัวของตัวเอง และเป็นอิสระจากครอบครัวของเธอ" เพราโบเล่า "หลังจากที่เคทไปนิวยอร์ค ทั้งครอบครัวก็พบว่าพวกเขาต้องการตัวนอร่า และทุกคนอยากมีเธออยู่ใกล้ๆ นับเป็นเรื่องท้าทายสำหรับนอร่า ฉันชอบเนื้อหาของหนังที่ว่า ในขณะที่ครอบครัวใหญ่สร้างความโกลาหลให้กับชีวิต แต่การพวกพ้องหมู่มากก็ยังเป็นเรื่องสนุกด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ยังมีใครสักคนอยู่ข้างๆ เพื่อคุยด้วย ปลุกปลอบให้กำลังใจ และทำให้แน่ใจว่าเราไม่เป็นไร"
ตามที่ผู้กำกับฯ ฌอน เลวีย์บอกนั้น เพราโบ เช่นเดียวกับเวลลิ่ง และดัฟฟ์ ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสร้างสรรค์ "เราสามารถดึงดูดนักแสดงรุ่นเยาว์ที่เป็นที่นิยมอย่างมากเหล่านี้ได้ ด้วยการยอมรับว่าพวกเขาอาจอยากมาร่วมงานเรื่องนี้กับเรา และเป็นส่วนหนึ่งของทีมเราโดยบอกกับพวกเขาว่าทุกคนจะได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน ด้วยความนับถือ แต่ไม่มีสถานะพิเศษอะไร และผมดีใจมากที่พวกเขาตอบตกลง"
ในตอนคัดตัวสมาชิกรุ่นเล็กๆ ของครอบครัวเบเกอร์ ทีมผู้สร้างได้เลือกจากบรรดาหน้าใหม่ๆ ซึ่งบางคนยังไม่เคยอยู่หน้ากล้องมาก่อนเลย สตีฟ มาร์ติน ชื่นชมกับมุมมองที่ไม่ด่างพร้อย ซึ่งบรรดานักแสดงหน้าใหม่ได้นำมาสู่การแสดงของพวกเขา "นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะพลังของการทำงานจากดาราเด็กๆ นั้นขึ้นอยู่กับอายุของพวกเขา" มาร์ตอนกล่าว "ถ้าพวกเขาเด็กมาก พวกเขาจะรู้สึกเกลียดการทำงานเข้าฉาก และเรียนรู้ว่าจะสามารถรอดตัวจากการก่อคดีฆาตกรรมไปได้ เพราะเราต้องการตัวพวกเขา แต่พออายุหกเจ็ดขวบไปแล้ว พวกเขาจะเข้าถึงงานและสนุกกับการแสดง เด็กพวกนี้เป็นธรรมชาติมาก และดูเหมือนไม่มีใครกำลังทำงานแสดงอยู่ พวกเขาเป็นอะไรที่สนุกมากๆ"
"เป้าหมายของการคัดตัวของเราก็คือการทำให้ทุกคนที่มาอยู่ร่วมกันเหมือนเป็นครอบครัว" ไซมอนด์สกล่าว "แต่ให้เด็กแต่ละคนมีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป"
"ฉันชอบทำงานกับเด็กๆพวกนี้" บอนนี่ ฮันท์ บอก "เวลาที่ฉันมองงานของตัวเองผ่านมุมมองของเด็กๆ - ความสนุกสนานในการแสดงและความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา - มันทำให้ฉันนึกได้ว่าฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้ทำงานในอาชีพนี้ ที่ฉันต้องเสแสร้งและแสดงในการทำงาน"
การถ่ายทำ
การถ่ายทำเริ่มขึ้นที่โลเคชั่นทั้งในและรอบๆ บริเวณลอสแอนเจลิส โดยใช้นาป้าแวลเลย์ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนียเป็นฉากภายนอกสำหรับฟาร์มเฮาส์ของครอบครัวเบเกอร์ ในมิดแลนด์ อิลลินอยส์
"หนึ่งในหลายๆ ทางเลือกของหนังเรื่องนี้ ก็คือการสร้างบ้านสองชั้นบนเสตจ เพื่อถ่ายทำฉากภายใน" นิน่า รุสซิโอ ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์กล่าว "ในการถ่ายทำหนังส่วนใหญ่ ฉากชั้นหนึ่งและสองจะถูกสร้างไว้คนละข้างกัน และใช้ถ่ายกันคนละที แต่เราเลือกที่จะสร้างเป็นสองชั้น เพื่อที่จะได้ถ่ายจากชั้นหนึ่งขึ้นไปชั้นสองหรือกลับกันได้ และมันทำให้เราสามารถเก็บภาพความวุ่นวายและสนุกสนานจากแอ็คชั่นของครอบครัวได้อย่างเต็มที่"
"เราสนุกมากกับวิธีที่จะสามารถแยกแยะความแตกต่างของเด็กๆ เบเกอร์แต่ละคนออกมาให้เห็น เฮนรี่ชอบดนตรีแจ๊ซ แล้วเราก็ให้ซาร่าชอบเขียนการ์ตูน และวาดรูปเล็กๆ ไว้ทั่วอาณาบริเวณของเธอ เจสสิก้า และคิมเป็นหนอนหนังสือ เราจึงแปะรายชื่อหนังสือที่พวกเธอแนะนำให้อ่านเอาไว้หน้าประตูห้อง ผู้ชมอาจไม่ทันสังเกตุรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ แต่มันช่วยให้เราแยกแยะเด็กแต่ละคน และจัดซอกมุมส่วนตัวของพวกเขาภายในบ้านได้"
อีกหนึ่งการออกแบบที่ซุกซ่อนอยู่ ก็คือการจัดวางสัญญลักขณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์หลายๆ อย่างไว้ทั่วบ้านเบเกอร์ กำข้าวสาลีที่ปักไว้ และรูปปั้นหญิงสาวในบริเวณเหนือประตูทางเข้าบ้าน สิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงถึงการสร้างโลกของครอบครัวเบเกอร์ไว้ที่บ้าน
ฉากของ CHEAPER BY THE DOZEN มักจะแสดงถึงสิ่งรอบข้างที่ปั่นป่วน ซึ่งสะท้อนถึงพลังอันท่วมท้นของครอบครัวเบเกอร์ "ถ้าหากเราอยากจะทำหนังที่แสดงถึงความบ้าคลั่งของครอบครัวใหญ่แล้วละก็ เราคงจะมีฉากซึ่งขาดสิ่งที่แสดงถึงความวุ่นวายไปเสียไม่ได้" เลวีย์บอก
บรรดานักแสดงรุ่นเล็ก ที่อ่อนประสบการณ์นั้น มีส่วนสร้างพลังปั่นป่วนให้กับฉากเป็นอย่างดี "มันมีความบ้าคลั่งและระดับของความสับสนที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กๆ ที่เล่นสนุกโดยไม่กลัวความผิดพลาด และนั่นช่วยสร้างสภาพแวดล้อมได้อย่างยอดเยี่ยม" ทอม เวลลิ่งบอก "เวลาที่เรามีเด็ก 12 คน มาแสดงเป็นพี่น้องกัน มันจะมีพลังซึ่งสะท้อนความเป็นครอบครัวจริงๆออกมา"
"ตอนแรกเราไม่รู้เลยว่ามันจะใช้ได้ กับพวกเราจำนวนมากในฉาก" ฮิลารี ดัฟฟ์ กล่าว "บางทีฉากหนึ่งก็ใช้เวลาถ่ายนานกว่าปกติ เพราะมีพวกเราตั้ง 12 คน แล้วก็ต้องตั้งใจทำงานด้วยกัน แต่ก็ไม่เคยมีช่วงเวลาที่น่าเบื่อเลย"
สตีฟ มาร์ติน ได้ปรับกลยุทธของเทคนิคด้านจิตวิทยาที่ใช้ในการทำงานร่วมกับบรรดานักแสดงรุ่นจิ๋วของเขา "เวลามีเด็ก12 เข้าฉาก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมทุกอย่าง" เขากล่าว
ความโกลาหลที่ควบคุมได้ นับเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับฉากที่ต้องเกี่ยวข้องกับความตลกทางกายภาพ และแอ็คชั่นที่สับสน อย่างเช่นฉากอาหารมื้อเช้าที่มีกบหลุดออกมา - และความชุลมุนของไข่กวนที่ปลิวว่อน ฉากนั้นคงไม่ใช่ฉากโปรดของฮิลารี่ ดัฟฟ์เป็นแน่ "ฉันโดนไข่ที่กระเด็นมาเลอะมากที่สุดเลย" ดัฟฟ์เล่า "มันแย่มากเพราะฉันเกลียดไข่!"
ฌอน เลวีย์ จับภาพความรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างแท้จริงของฮิลารี่ไว้ และชื่นชมกับความโกลาหลที่สมจริง "กบสร้างหายนะในห้องครัวเป็นเรื่องสุดยอดเรื่องหนึ่งสำหรับผม" เลวีย์เล่า "ผมขอยกย่องฮิลารี่เป็นอย่างมากกับปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอ"
สตีฟ มาร์ตินเองก็ไม่อาจเลี่ยงความปั่นป่วนในฉากไปได้ ในฉากหนึ่งเขาถูกโยนขึ้นไปในอากาศ โดยอุปกรณ์สูบลมระเบิด ที่เรียกว่ามูนบาวนส์; อีกฉากหนึ่งนั้นเขาต้องแกว่งไกวบนโคมแชนเดอเลียที่หลุดลงมา ในขณะที่กำลังพยายามช่วยลูกเพื่อนบ้าน หลังจากเกมโรลเลอร์ฮอกกี้ที่ผิดที่ผิดทาง
"ส่วนหนึ่งของสิ่งที่สตีฟทำนั้นคือความเหลือเชื่อทางกายภาพ และเขาตั้งใจทำอย่างดีที่สุดเมื่อเราสร้างสิ่งแวดล้อมให้เขาทำเปิ่น" เวลีย์กล่าว "เราใส่ความตั้งใจในการทำงานสคริปท์เป็นอย่างมาก เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อให้สตีฟเป็นสตีฟ"
สัมพันธภาพแนบแน่นที่ก่อตัวขึ้นระหว่างบรรดานักแสดง ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนระหว่างตัวละครและความเป็นจริง และนักแสดงบางคนพบว่าพวกเขาได้คงความเป็นตัวละครเอาไว้ แม้กระทั่งในยามที่กล้องไม่ได้เดินอยู่ "เหมือนบรรดาแม่ๆทุกคน บอนนี่คอยดูแลทุกคนในกองถ่าย ซึ่งน่ารักมาก" ดัฟฟ์กล่าว "เวลาเด็กๆ มีปัญหาและไม่มีสมาธิ เธอจะคอยคุยกับพวกเขา เธอทำเหมือนว่าพวกเขาเป็นลูกของเธอ และคอยล้อเล่นกับพวกเขา ซึ่งเป็นการช่วยให้งานเสร็จได้ดีเสมอ""
"มันมีหลายครั้งที่ฉันหัวเราะในเวลาเป็นตัวละคร" ฮันท์กล่าว "และฉันก็คงหัวเราะอย่างนั้นเหมือนกันถ้าเป็นลูกของฉันเองเพราะเด็กๆมักจะพูดอะไรที่น่าทึ่งจริงๆ ด้วย"
ทีมนักแสดงได้สร้างความผูกพันพิเศษของครอบครัวซึ่งสะท้อนให้เห็นได้บนจอภาพยนตร์ "พูดถึงความเป็นครอบครัวทั้งหมดแล้ว ผมคิดกว่าความเข้ากันได้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการคัดตัวผู้แสดง" ทอม เวลลิ่ง "นี่เป็นครอบครัวที่ใช้เวลาที่ดีร่วมกัน และผมหวังว่าความรู้สึกนั้นจะถ่ายทอดมายังผู้ชมด้วย"
CHEAPER BY THE DOZEN กำกับการแสดงโดย ฌอน เลวีย์, อำนวยการสร้างโดย โรเบิร์ต ไซมอนด์ส, ไมเคิล บาร์นาแธน และเบน ไมรอน, และร่วมอำนวยการสร้างโดย ไอรา ชูแมนเขียนบทภาพยนตร์โดย แซม ฮาร์เปอร์ และโจเอล โคเฮน & อเล็ค โซโคโลว์ และเรื่องสำหรับบทภาพยนตร์โดย เครก ทิทลีย์ เค้าโครงจากนวนิยายโดย แฟรงค์ บังเกอร์ กิลเบร็ธ จูเนียร์ และเออร์เนสติน กิลเบร็ธ แครี่
ผู้กำกับภาพ ได้แก่ โจนาธาน บราวน์ ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ ได้แก่ นีน่า รุสซิโอ ผู้ลำดับภาพ ได้แก่ จอร์จ โฟล์ซี จูเนียร์, A.C.E., และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ได้แก่ ซานจา มิลโควิค เฮย์ส ผู้ควบคุมดนตรี ได้แก่ เดฟ จอร์แดน และดนตรีประกอบโดย คริสตอฟ เบ็ค
(ยังมีต่อ)
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ