กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--ไทยยานยนตร์
เป็นเวลากว่า 24 ปีที่ ออดี้ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีการขับเคลื่อนในรถยนต์ โดยได้ผลิต Audi quattro ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบถาวร (full time) หนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธ์เฉพาะของออดี้ และได้เปิดตัวครั้งแรกในโลก เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 1980 ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ระบบควอตโตรนี้ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการแข่งขันเซอร์กิตแรลลี่ระดับโลกมากมาย จนถือได้ว่า Audi quattro เป็นตำนานแห่งชัยชนะของออดี้บนทุกสนามแข่ง ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมของเทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ นอกเหนือจากเสียงตอบรับของผู้ใช้รถยนต์ออดี้ ระบบ "ควอตโตร" กว่าหนึ่งล้านคนในปัจจุบัน
"ควอตโตร" ได้รับการคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกโดย ดร. เฟอร์ดินันด์ เพียร์ช หัวหน้าทีมวิศวกรของออดี้ในขณะนั้นและภายหลังได้เลื่อนตำแหน่งเป็นประธานบริษัทฯและประธานของกรุ๊ปนานเกือบ 10 ปี โดยเริ่มใช้กับรถออดี้รุ่น 80 ออกขายเป็นรุ่นแรกและได้เข้าแข่งขันจนได้รับชัยชนะในการแข่งขันเวิลด์แรลลี่ระดับโลกในปี 1977 ควอตโตรเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบถาวร (Full Time) โดยล้อทั้ง 4 จะหมุนขับเคลื่อนไปในสภาพที่สมดุลกันทั้ง 4 ล้อตลอดเวลา ทำให้รถยนต์มีการทรงตัวดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นขณะความเร็วสูง ขณะเลี้ยวโค้ง หรือบนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น นอกจากนี้ ควอตโตร ยังมีเฟืองท้ายกลางทำหน้าที่กระจายแรงขับเคลื่อนไปทั้ง 4 ล้ออย่างสมดุลให้ความปลอดภัยขณะเลี้ยวมุมแคบ และให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้เคียงกับระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ
ลักษณะการทำงานของควอตโตรจะแตกต่างจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ off road หรือ part time โดยทั่วไป ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานขับเคลื่อนบนทางวิบาก โดยขณะขับเคลื่อนบนทางเรียบปกติจะใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ แต่เมื่อขับเคลื่อนบนพื้นทางวิบากจะเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ โดยการควบคุมของผู้ขับขี่หรือบางแบบจะทำงานเองโดยอัตโนมัติ
ควอตโตรมีคุณสมบัติเด่นที่เหนือกว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full Time ของรถยนต์ทั่วไป คือ จะมีการกระจายแรงการขับเคลื่อนไปยังล้อทั้ง 4 เท่ากัน แบบ 50/50 % (ล้อละ 25%) ในขณะที่รถยนต์อื่นจะมีการกระจายแรงขับเคลื่อนอยู่ประมาณ 35/65 % หรือ 60/40 % ดังนั้นจึงทำให้มีการยึดเกาะถนนได้ดีเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ใช้ความเร็วสูงและขณะเลี้ยวโค้ง ควอตโตรได้รับการออกแบบเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลัง (Under Steer & Over Steer) โดยสามารถบังคับควบคุมทิศทางของรถได้ง่ายในทุกสภาพผิวถนน ลดการสึกหรอและความร้อนสะสมที่เกิดขึ้นกับยางและเฟืองท้าย
นอกจากนี้ควอตโตรยังได้ถูกพัฒนาให้สามารถทำงานร่วมกับระบบ EDL (Electronic Differential Lock) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มีมากยิ่งขึ้นขณะขับขี่ในสภาพถนนที่มีความลื่นมากๆ เช่น หิมะ กรวดทราย น้ำท่วมขัง โดยระบบ EDL จะวิเคราะห์และตรวจสอบการลื่นไถลร่วมกับระบบ ABS โดยจะรับข้อมูลการหมุนของล้อจากเซ็นเซอร์ของล้อทั้ง 4 ถ้าพบว่าล้อใดมีความเร็วสูงกว่าล้ออื่น ระบบ EDL จะทำการควบคุมล้อนั้นให้มีความเร็วเท่ากับล้ออื่น โดยใช้ระบบเบรกไปควบคุม ทำให้ล้อไม่เกิดอาการหมุนฟรี ช่วยเพิ่มสมรรถนะการทรงตัวในที่ลื่นและเพิ่มแรงบิดให้มากขึ้นในกรณีขับขึ้นที่ลาดชันมากๆ หรือขับขึ้นจากหล่มโคลน รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการเร่งแซง
ระบบ quattro นอกจากจะใช้กับรถแข่งในสนามแข่งแล้ว ออดี้ยังได้พัฒนาต่อเนื่องโดยนำระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวรนี้มาประยุกต์ใช้กับรถยนต์รุ่นต่างๆ กว่า 66 โมเดล อาทิ A4, A6, A8, Allroad, TT coupe and Roster และด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นที่กล่าวมาทั้งหมด จึงทำให้ระบบการขับเคลื่อนแบบ "ควอตโตร" ของรถยนต์ออดี้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่และประสิทธิภาพความปลอดภัยสูงสุด.
ออดี้ หนึ่งในผู้พัฒนาและผลิตรถยนต์คุณภาพสูงระดับนานาชาติ ในปี 2003 ประสบความสำเร็จทั้งในด้านยอดจำหน่ายที่มากกว่า 770,000 คันทั่วโลก และภาพลักษณ์ของความเป็นรถสปอร์ตพรีเมี่ยม
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
กฤชศุลี ทองเนียม
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ออดี้
บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด
โทร. 02-938 6077 ต่อ 493, 496 แฟกซ์ 02-938 6309
อีเมล์: isaranan@ksc.th.com--จบ--
-รก-