กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
รูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย
อยากมีแฟนสวย ปรึกษากูรูเว้ยเฮ้ย
สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
ภูมิใจเสนอ
รักเว้ยเฮ้ย
ภาพยนตร์ ไม่รัก ไม่ซึ้ง ไม่อึ้ง แต่โดน
กับ 2 หนุ่มดูโอ้มาดกวน
“เปิ้ล นาคร” VS. “สตาร์บัค สาระแน”
ที่จะมาป่วนหัวใจสาวๆทั่วทั้งประเทศ
ด้วยวิธีจีบแบบหลุดโลก
และขอแนะนำ
“วีเจอิ๊งค์ ชญานุช” สาวสุดฮ๊อต
ที่ผู้ชายหลายคนอยากประกาศว่า “จีบ”
ผลงานกำกับของ “กุลชาติ จิตขจรวานิช”
12 มกราคม 2555
ทุกโรงภาพยนตร์
กำหนดฉาย 12 มกราคม 2555
แนวภาพยนตร์ คอเมดี้ โรแมนติก
ผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง MA-IS FILM
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมงานสร้าง กุลชาติ จิตขจรวานิช
ออกแบบงานสร้าง กุลชาติ จิตขจรวานิช
ประสานงานสร้าง กุลวดี จิตขจรวานิช
กำกับภาพ ปัญญา นิ่มเจริญพงษ์
ลำดับภาพ ธวัช ศิริพงศ์, วิสิฎฐ์สร สุทธิไชยากุล
บทภาพยนตร์ กุลชาติ จิตขจรวานิช
กำกับภาพยนตร์ กุลชาติ จิตขจรวานิช
ผู้ช่วยผู้กำกับ โชคชัย แสงเพชร
ออกแบบเครื่องแต่งกาย ลือชัย โพธิสกุล
ดนตรีประกอบ เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน และ Banana Team
นำแสดงโดย นาคร ศิลาชัย, พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล
และขอแนะนำ ชญานุช บุญธนาพิบูลย์
เรื่องย่อ
“ลวก” หนุ่มช้ำรัก กับ “น้าหมา” หนุ่มนักรัก เมื่อต้องบังเอิญมาเจอกัน เขาทั้งคู่จึงเริ่มลงมือปฏิบัติการเผด็จศึกพิชิตใจสาว ด้วยลีลาการจีบสาวขั้นเทพ ทั้งแปลก ทั้งแหวก และทั้งเพี้ยนจนสาวๆจะต้องกรี๊ดดดด…..เว้ยเฮ้ย!!!
“ลวก” (รับบทโดย สตาร์บัค สาระแน) หนุ่มโปรแกรมเมอร์หน้าตาสุดเนิร์ด แต่งตัวสุดติ๋ม แถมยังอ่อนหัดด้านลีลารัก จีบใครมันก็แห้ว จีบกี่ครั้งมันก็วืด ชีวิตมีแต่โดนทิ้ง! ทิ้ง! ทิ้ง! และทิ้ง!…แต่ลวกก็ยังไม่เข็ด ดันไปปิ๊งรัก “โต๊ะอี้” (รับบทโดย ชญานุช บุญธนาพิบูลย์) เธอคือ ดีเจสสาวสุดฮ๊อต สวยสุดเปรี้ยว หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ตามจีบกันให้วุ่นวาย
“นางฟ้าโต๊ะอี้...ของลวก”….แหวะ! มุกเลี่ยนๆ เสี่ยวๆ เชยๆ ไม่มีสาวคนไหนเขาเล่นด้วยหร้อกก…ลวกจึงคอตกหมดหวัง แต่แล้วฟ้าดันประทานเทพบุตรนักรัก “น้าหมา”(รับบทโดย เปิ้ล นาคร) หนุ่มเก๋ารุ่นใหญ่จอมเพี้ยน กูรู หรือ กูรู้ด้านการจีบสาวระดับปรมาจารย์มาให้แด่ลวก
ปฏิบัติการภาระกิจจีบสาวจึงเริ่มต้นขึ้น “น้าหมากับลวก” สองคู่ซี้ดูโอ้จะมาปั่นป่วน และเข้าไปวิ่งเล่นในหัวใจสาวๆ แบบไม่ทันตั้งตัว ด้วยวิธีจีบสาวสไตล์(น้า)หมาๆ ที่สาวเจอยังต้องกรี๊ดด...ตุ๊ด แต๋ว เจอยังต้องสยบ กับหนังรักฮาอารมณ์ดี ที่จะชวนให้ทุกคนตะโกนบอก “รักเว้ยเฮ้ย!”
คาแร็คเตอร์
“น้าหมา”
รับบทโดย เปิ้ล นาคร ศิลาชัย
หนุ่มนักรักรุ่นใหญ่ หัวใจคาสโนว่าสุดเพี้ยน มีอาชีพเป็นพ่อค้าขายของมือสอง มีมุมมองความรักที่แปลกและแหวกแนว ขนาดนักปราชญ์ยังต้องซูฮก เป็นกูรูด้านการจีบสาว ลงมือจีบเมื่อไหร่ก็ติดหนึบเมื่อนั้น ถึงแม้วิธีการจีบจะ ดุเด็ด เผ็ดร้อน เร้าใจ และแตกต่างไม่เหมือนชาวบ้าน แต่ใช้ได้ผล100% มีคู่หูชื่อ “ลวก” หนุ่มรุ่นน้องที่ไม่เอาไหนเรื่องการจีบสาว เดือดร้อนน้าหมาที่ต้องกลายเป็นเดอะเทรนเนอร์ติวลีลาออกเสต็ปพิชิตใจสาว ด้วยวิธีการแบบ(น้า)หมาๆ
เปิ้ล นาคร : “น้าหมาเป็นผู้ชายอารมณ์ดีนะ มองโลกในอีกแง่นึง มองควายเป็นหมีแพนด้า มองปลาร้าเป็นปลาหางนกยูง มองทุกอย่างในแง่ดีแต่พรีเซ้นท์ออกมาแล้วชาวบ้านไม่เห็นด้วยเลย จนมาวันนึงได้ไปเจอพวกนักรักแต่แพ้มาหลุดลุ่ยคือ ไอ้ลวก อกหักมา เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปแหละครับ ที่อกหักมาไม่รู้จะไปไหนก็มาเมาอยู่ที่ตลาดนัดสวนรถไฟนี้ครับ น้าหมาก็เลยขออาสาเข้าไปเป็นที่ปรึกษา ด้วยความที่น้าหมาเป็นกูรูด้านนี้โดยเฉพาะ น้าหมาอยากจะบอกทุกคนว่าถ้าอยากจะหาความหมายต่างๆไปหาที่กูเกิ้ล(google) แต่ถ้าอยากจะหาความรักมาหาที่กูนี่ เดี๋ยวน้าหมาจะบอกอะไรให้…อิอิ”
“ลวก”
รับบทโดย พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล(สตาร์บัค สาระแน)
หนุ่มโปรแกรมเมอร์ช้ำรัก มักโดนทิ้งเป็นว่าเล่น เป็นคนเนิร์ดสุดขั้ว ติ๋มสุดขีด และที่ต้องเฮิร์ต เพราะตกหลุมรักดีเจสาวสวยที่ชื่อ “โต๊ะอี้” พยามจีบเท่าไหร่ก็ไม่ติดสักที หรือจะเรียกว่าความสามารถในการจีบสาวมีค่าเท่ากับศูนย์นั่นเอง จนเมื่อฟ้าประทาน “น้าหมา” เทพบุตรเจ้าแห่งนักรักมาให้กับลวก จึงทำให้ชีวิตของลวกนั้นเปลี่ยนไป
สตาร์บัค : “บทบาทและคาแร็คเตอร์ ลวก จะเป็นคนแบบเนิร์ดๆเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานอยู่ในสถานีวิทยุ และก็หลงรักดีเจสาวคนนึงชื่อโต๊ะอี้ พยายามตามจีบในสไตล์ของลวก แต่ผู้หญิงเขาไม่ชอบผู้ชายสไตล์แบบลวกเลยสักนิด จนวันนึงลวกบังเอิญเจอน้าหมา ได้รู้จักกับน้าหมา แล้วก็น้าหมานี่แหละครับเป็นคนสอนวิธีการจีบสาวให้กับลวก การคุยจีบสาวสไตล์น้าหมาที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ลวกได้มีโอกาสใกล้ชิดกับโต๊ะอี้มากขึ้น จุดเด่นของลวกมีอยู่ 2 อย่าง ช่วงแรกก่อนที่จะไปรู้จักน้าหมา จะเป็นคนเชยๆเนิร์ดๆแต่งตัวเรียบร้อย แล้วก็เป็นคนติ๋มๆไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองคิด แต่พอได้รู้จักกับน้าหมา ผู้ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้กับลวก ลวกก็กล้าที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองคิดมากขึ้น กล้าจีบผู้หญิงมากขึ้น มีวิธีการจีบผู้หญิงที่แตกต่างจากการจีบผู้หญิงทั่วไป”
“โต๊ะอี้”
รับบทโดย ชญานุช บุญธนาพิบูลย์
(วีเจอิ๊งค์ Channel V)
ดีเจสาวสุดสวย ดาวรุ่งแห่งยุค ขวัญใจหนุ่มๆทั่วราชอาณาจักร ชื่นชอบและหลงใหลในเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ชอบเปิดเพลงอกหัก เป็นสาวเปรี้ยว ที่พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า สดใสน่ารัก ไม่ถือตัว เป็นคนประเภทปากว่ามือถึงไม่ชอบไม่ถูกใจก็ลงมือทันที ชอบพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม จริงใจ และเป็นนางฟ้าของลวก(แอร๊ยยยยย!)
อิ๊งค์ ชญานุช : “บทบาทของโต๊ะอี้จะเป็นคนสดใสร่าเริง น่ารักๆ ชอบแต่งตัวเปรี้ยว และมักจะมีหนุ่มๆเข้ามาจีบอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าโต๊ะอี้จะมีสเปกผู้ชายอยู่ในใจที่ยังไม่เคยบอกใครมาก่อน ชอบฟังเพลง และมีความฝันอันยิ่งใหญ่คืออยากเป็นดีเจ ซึ่งนับว่าโชคดีที่คาแร็คเตอร์ของโต๊ะอี้ ค่อนข้างตรงกับอิ๊งค์ คือทำงานในสายเดียวกัน แต่ก็มีเรื่องราวบางอย่างที่มารู้ทีหลังเลยทำให้โต๊ะอี้ต้องมีอาการดราม่า บทตลกก็มีบ้างนะคะ เพราะในเรื่องจะเป็นคนปากว่ามือถึง ใครพูดอะไรไม่ถูกใจ ไม่เข้าหู หรืออย่างลวกเนี่ยพูดอะไรไม่ถูกใจ มือก็ตบผัวะคว่ำลงไปเลย ชอบสนุกมากค่ะ(555)”
แนะนำนักแสดง
ชื่อ-นามสกุล ชญานุช บุญธนาพิบูลย์
ชื่อเล่น อิ๊งค์
วันเดือนปีเกิด 30 มิถุนายน 2532
การศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เพราะความสวยใสน่ารัก อิ๊งค์-ชญานุช บุญธนาพิบูลย์ จึงถูกรับเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์ รุ่น66แห่งจุฬาลงกรณ์วิทยาลัย และด้วยความสามารถด้านการแสดงทำให้มีผลงานทั้งถ่ายโฆษณาและมิวสิควิดีโอออกมาอย่างต่อเนื่อง บวกกับเสียงใสๆพร้อมกับบุคลิกสาวมั่นของเธอ ปัจจุบันหลายคนคงคุ้นหน้าตาและเรียกสาวน้อยคนนี้ติดปากว่า “VJ อิ๊งค์” แห่ง Channel [V] Thailand
ล่าสุด ตัดสินใจประเดิมจอภาพยนตร์ครั้งแรกในเรื่อง “รักเว้ยเฮ้ย!” กับบทนางเอกสาวสวยเสียงหวาน “ดีเจโต๊ะอี้” ผู้หลงไหลเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ....
ผลงานที่ผ่านมา MVรักด่วนขบวนสุดท้าย / Link Corner
MV เธอยัง / POTATO
MV ความฝันปราสาททราย / The Bottom Blues
โฆษณา Rexonda กับก้อย รัชวิน
โฆษณา Wacoal
โฆษณา รอรีอัล On-Airฮ่องกง
ผลงานปัจจุบัน VJ Channel [v] Thailand
ปิ๊งแรกของความรัก
สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศเริ่มต้นปี 2555 ด้วยการอยากเห็นวัยรุ่นไทยทุกคนเส้นตื้น พร้อมกับชวนกันมาอารมณ์ดี ด้วยการมอบความสุขจากการสร้างภาพยนตร์รักโรแมนติก คอเมดี้ เรื่อง “รักเว้ยเฮ้ย!” ผลงานกำกับ และเขียนบทของ “ล้ง-กุลชาติ จิตขจรวานิช” ผู้กำกับใจเย็น อารมณ์ดีแถมยังเข้าขากับนักแสดงนำ “เปิ้ล นาคร” และ “สตาร์บัค สาระแน” ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากอดีตเคยเป็นครีเอทีฟให้กับทีมสาระแน ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับ และเมื่อ 3 หนุ่มอารมณ์ดีมารวมตัวกัน จึงแท็คทีมพร้อมใจทำภาพยนตร์รัก ที่กล้าประกาศให้โลกรู้ว่า...แตกต่างจากภาพยนตร์รักทั่วไปอย่างแน่นอน โดยนำเสนอเรื่องราวความรัก ของชายหนุ่มอกหักรักคุด..ตุ๊ดเมิน ก่อนจะมาเจอกับ ชายหนุ่มนักรัก กูรูด้านการจีบสาวขั้นเทพ จนกลายเป็นคู่หูดูโอ้จอมปั่นป่วนหัวใจสาวๆ พร้อมโชว์ลีลากลยุทธจีบสาวสุดเพี้ยน แต่ได้ผลเกินล้านเปอร์เซ็นต์…..ว๊าวววว!
ผู้กำกับ : “เรื่องนี้มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดีเจ ผมคิดว่าไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นยุคนี้นอกจากดูหนังแล้ว ก็จะชอบการฟังเพลง ฟังวิทยุครับ บวกกับส่วนตัวผมเองเป็นคนชอบฟังวิทยุอยู่แล้วด้วย จึงนำเรื่องราวความรักและอาชีพดีเจมาทำเป็นหนัง จะว่าไปส่วนตัวลึกๆผมเองก็มีความคิดอยากเป็นดีเจเหมือนกัน สมัยก่อนอาชีพดีเจมันค่อนข้างยากนะ แต่สมัยนี้ยุคนี้ใครๆก็หันมาทำอาชีพดีเจกันได้ง่ายมากขึ้น ในเมื่อผมไม่มีโอกาสเป็นดีเจก็เลยจับเอามาใส่ลงในหนังซะเลยครับ โดยที่ตั้งใจทำออกมาเป็นแนวคอเมดี้ โรแมนติก เน้นความฮาและตลกนำหน้า ส่วนเส้นเรื่องจะเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนนึง ที่คิดว่าตัวเองสถานะต้อยต่ำและด้อยกว่าผู้หญิงที่ตังเองแอบชอบ เป็นพวก underdog แต่พยามทำตัวให้สูงและพัฒนาเท่าเทียม เพื่อต้องการให้ผู้หญิงหันมามอง ผมว่าผู้ชายหลายคนมีปัญหาแบบนี้นะ สำหรับความตั้งใจเน้นคอเมดี้นั้น ผมอยากให้คนดู ดูแล้วอารมณ์ดีมีความสุข เพราะช่วงที่ผ่านมาเราเจอแต่เรื่องเครียดๆ ไม่ว่าจะ น้ำท่วม เรื่องเรียน เรื่องแฟน อกหัก ก็เลยอยากให้ลืมเรื่องเครียดๆ คิดว่าดูหนังแล้วมีความสุขแค่นี้เราก็รู้สึกดีแล้วครับ”
“เปิ้ล นาคร” VS. “สตาร์บัค สาระแน”
คู่แสบสุดป่วน ชวนอมยิ้ม:)
ไอดอลเจ้าพ่อความฮาของวัยรุ่นยุคนี้ คงต้องยกให้ 2 หนุ่มเซอร์ต่างวัย เซอร์รุ่นพี่ “เปิ้ล นาคร” หนุ่มใหญ่มากความสามารถทั้งพิธีกร นักแสดง และเป็นถึงแชมป์สิงห์บิดเจ็ตสกี กับ เซอร์รุ่นน้อง “สตาร์บัค สาระแน” หนุ่มนักแสดงหน้าใสขวัญใจสาวๆ คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีจากภาพยนตร์เรื่อง สาระห้าวเป้ง และสาระแนเห็นผี กลับมาซ่าส์ ฮาสุดป่วน ด้วยมาดกวนๆชวนอมยิ้มของพวกเขาทั้งคู่ ถึงแม้จะแสดงภาพยนตร์ร่วมกันมาหลายเรื่องแล้ว แต่นี่คือภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาทั้ง 2 คน ต้องปะฉะดะหน้ากันแบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ปากต่อปาก แถมยังต้องมีบทเลิฟซีนด้วยกันอีกด้วย
เปิ้ล นาคร : “เพราะเราเพิ่งจะเคยเล่นกันจะจะครั้งแรกเลยครับ และต้องเข้าฉากด้วยกันบ่อยตลอดเวลา น้าหมาเนี่ยก็ต้องคอยสอนเทคนิคจีบสาวต่างๆให้กับลวก พร้อมกับสาธิตวิธีต่างๆด้วยตัวเอง เริ่มที่การมองตาจ้องตากัน แต่สตาร์บัคบอกเขินไม่กล้ามอง ผมบอกไม่ได้เราต้องแสดงให้ถึง จูบก็ต้องจูบจริง ต้องไปดูฉากเลิฟซีนของสตาร์บัคและพี่เปิ้ลนะครับ คือสตาร์บัคก็จะพยามเตือนสติผมว่า พี่เปิ้ลลูกสองแล้วนะ…เออรู้ว่าลูกสองแล้ว แล้วมันเกี่ยวอะไร แอ็คติ้งก็คือแอ็คติ้ง สตาร์บัคเขาเขิน เขาอายมาก แต่สุดท้ายอยากให้ไปดูสตาร์บัคแสดง มันถึงมากครับ”
สตาร์บัค : “ได้ร่วมงานกับพี่เปิ้ลสนุกครับ ผมชอบพี่เปิ้ล ผมชอบพฤติกรรมพี่เปิ้ลประหลาดๆดีครับ พี่เปิ้ลจะช่วยสอนเวลาแสดง เรื่องสายตาสำคัญมาก บทไหนที่ต้องใช้อารมณ์จำเป็นจริงๆถ้าจริงจัง ตาสำคัญมากเลยห้ามกระพริบบ่อย อย่ามองนั้นมองนี่แล้วก็พูดไป ตานี่ต้องมองต้องจิกเข้าทะลุให้ถึงหัวใจจิตใจเขาเลย ตามันมีพลังมากเขาบอกผม ผมว่ามันได้ประโยชน์มาก และบอกว่าเวลาเล่นเราต้องจริงใจกับมัน เราต้องคิดภาพและรู้สึกกับมันก่อน อย่างเช่นมีคนมาตีเราเราต้องรู้สึกว่ามันเจ็บแค่ไหน เราต้องรู้สึกให้จริงไว้ก่อน มันคือเทคนิคและวิธีที่พี่เปิ้ลสอนผมครับ”
คัดสรร กูรูเลิฟขั้นเทพแต่แอบเพี้ยน
สำหรับขั้นตอนการคัดเลือกนักแสดง ผู้กำกับล้ง กุลชาติ และทีมงาน เล็งเป้าหมายเดียวกัน พร้อมลงมติเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าต้อง “เปิ้ล นาคร” และ “สตาร์บัค สาระแน” 2 คนนี้เพียงเท่านั้น ที่ตรงเป๊ะ!กับคาแร็คเตอร์ในภาพยนตร์ “รักเว้ยเฮ้ย!” และคงไม่มีนักแสดงคนไหนที่เหมาะสม และฮาหลุดโลกได้เท่ากับนักแสดง 2 คนนี้อีกแล้ว
ผู้กำกับ : “ผมได้ทำการศึกษาจากประวัติของพี่เปิ้ลมาแล้ว เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักมือวางอันดับหนึ่ง และเขาเป็นคนละเอียดอ่อนมีมุมมองมีวิธีคิดที่น่ารักอย่างที่ใครก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เวลาอยู่กับน้องๆเขาเป็นคนที่เจ๋งมากเลยครับ ผมได้เล็งเห็นตัวตนของเขาจากส่วนลึกด้านใน โยงเข้ากับคาแร็คเตอร์ของน้าหมา จะเป็นคนที่เข้าใจโลก มีวิธีคิดอีกแบบนึง ซึ่งมันจะดูเพี้ยนๆหน่อย แต่มันก็มีความเป็นสาระอยู่ ซึ่งในความเป็นสาระมันก็จะมีความเพี้ยน สำหรับพี่เปิ้ลแล้วไม่ยากเลยครับกับการรับบทน้าหมาครั้งนี้ เพราะปกติเขาก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว คือ เป็นคนเพี้ยนๆ(หัวเราะ)
สำหรับสตาร์บัค เขาเป็นวัยรุ่นแนวๆ ชอบแต่งตัวเซอร์ๆ ดูดิบๆหน่อย คิดว่าหากจับเขามาแต่งตัวเป็นเด็กเนิร์ดนิ่มๆติ๋มๆ ผมว่าน่าสนใจดีนะ ซึ่งบัคเองก็อยากเล่นบทนี้พอดี ถึงขั้นลงทุนยอมโกนหนวดโกนเคราและยอมทำตัวเป็นคนเอ๋อ มีสปิริทนักแสดงดีมากเลยครับ”
แต่สำหรับสาวที่เหมาะจะมารับบทนางเอกในเรื่องนี้ กลับเป็นโจทย์ยากสำหรับผู้กำกับล้ง กุลชาติ และฝ่ายทีมงานแคสติ้งอยู่ไม่น้อยเลย กว่าจะมาลงตัวที่สาวน้อยหน้าหวานเสียงใส “วีเจอิ๊งค์-ชญานุช บุญธนาพิบูลย์” ทีมงานต้องใช้เวลาคัดเลือกกว่า 50 ชีวิต ซึ่งมีหลายคนที่หน้าตาดี แต่พอต้องมาสวมบท ดีเจโต๊ะอี้ แล้ว ผู้กำกับล้งออกอาการสั่นหัว และบอกว่ายังไม่ใช่
ผู้กำกับ : “สำหรับนางเอกเรื่องมีชื่อว่า โต๊ะอี้ เป็นดีเจสาวดาวรุ่งแห่งยุค ที่มาของชื่อมันมาจากวัยรุ่นสมัยนี้ชอบมีชื่อสองพยางค์แปลกๆเช่น น้ำปั่น เรดาร์ รถเมล์ ขนมจีน น้ำชา(555) ผมจึงอยากอินเทรนด์เลยตั้งชื่อนางเอกว่า โต๊ะอี้ มันก็ดูเก๋ดี แปลกดี น่ารักดีนะครับ ซึ่งกว่าจะหานางเอกได้ เราใช้เวลากันนานมากพอสมควรครับ ส่วนน้องอิ๊งค์ เขาได้ทั้งความแบ๊ว ความน่ารักคิกขุในสไตล์เขา เหมือนนางเอกหนังเกาหลีเลย แล้วเขาก็มีความดราม่าที่มันเกินคนปกติ คือ เกินกว่าคนทั่วไปที่เราไปแคสมาครับ”
“วีเจอิ๊งค์” กับบท “นางเอก” ครั้งแรก
มีผลงานการแสดงทั้งด้าน MV และด้านโฆษณาผ่านตามาบ้างแล้ว แถมยังโดดเด่นด้านความสามารถที่หลากหลาย ทั้งเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของรั้วจุฬาลงกรณ์ฯ และปัจจุบันเธอเป็นดาวรุ่งแห่ง Channel [V] Thailand “วีเจอิ๊งค์ ชญานุช บุญธนาพิบูลย์” ก้าวกระโดดมารับบท นางเอกภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในชีวิต และยังต้องประกบ 2 หนุ่มอารมณ์ดี “เปิ้ล นาคร” และ “สตาร์บัค สาระแน” จึงไม่แปลกใจที่ วีเจอิ๊งค์จะเกิดอาการประหม่า ตาพล่ามัว มือไม้สั่น เมื่อต้องเข้าฉากร่วมกับ 2 หนุ่มในภาพยนตร์ครั้งนี้
“พูดจริงๆว่าอิ๊งค์ไม่เคยเรียนแอ็คติ้งมาก่อนเลยค่ะ พอมาเจอพี่เปิ้ล นาคร เขาก็คุยกับเราและให้เราทำความเข้าใจกับบทคาแร็คเตอร์ของโต๊ะอี้ก่อน ให้คิดว่าเราเป็นโต๊ะอี้ ไม่ใช่เป็นตัวเอง ตอนมาถ่ายทำวันแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก ต้องเตรียมตัวอ่านบทมาเยอะมาก จำได้เป๊ะทุกคำ แต่ปรากฎว่าพอถ่ายจริงอารมณ์มันจะไม่เหมือนกัน แล้ววันแรกปุ๊ปก็เจอฉากหนักเลยค่ะ คือ ต้องร้องไห้ ยังไม่ทันรู้ว่าในเรื่องจะมีอะไรบ้าง แต่เราก็ต้องร้องไห้หนักถึงหนักมาก ตอนนั้นเป็นเวลาตี 5 แล้วอิ๊งค์ก็พยามคิดเรื่องราวที่เศร้าที่สุดในชีวิต พยามเอาอารมณ์นั้นมาใส่กับบททำให้ร้องไห้ได้ หลายเทคมากค่ะวันแรกต้องร้องไห้ต่อเนื่องยาวไปเกือบชั่วโมง ร้องไห้จนตาบวมกันไป แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“สำหรับพระเอกคนแรก ช่วงแรกๆก็เกร็ง เพราเห็นพี่บัคเล่นเรื่องอื่นมา มีหนวดมีเคราดูขรึมๆ กลัวว่าคุยกับพี่แล้วเราจะพูดจากันรู้เรื่องไหม แต่พอรู้จักกันจริงๆ พี่บัคเป็นพี่ชายที่ดีมากค่ะ แนะนำเทคนิคต่างๆเวลาแสดงแต่ละบท พี่บัคจะคอยสอนว่าทำแบบนี้นะ เพราะพี่บัคเขามีประสบการณ์มาก่อน ตอนหลังๆเราก็มาต่อมุกกันตลอดขำๆ ก็เริ่มสนิทกันและใช้เวลาว่างตอนแต่งหน้าต่อบทกัน ทำให้ตอนถ่ายก็ง่ายขึ้นไม่ค่อยหลายเทคมากเท่าไหร่ ยกเว้นบางฉากที่พี่ล้งเขาต้องการ และเน้นจริงๆค่ะ”
หนังรักไม่ซ้ำใคร ฮาไม่ซ้ำทาง
กล้าการันตีความสนุก พร้อมเรียกเสียงฮา โดยนักแสดงนำจากภาพยนตร์ “รักเว้ยเฮ้ย!” หนังรักโรแมนติกคอเมดี้ ที่จะช่วยดามหัวใจคนอกหักให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น เพราะนี่คือภาพยนตร์รักที่ไม่เหมือนใคร ที่ยังไม่เคยมีผู้กำกับคนไหน นอกจากผู้กำกับล้ง กุลชาติ กล้านำเสนอ และยังไม่เคยมีนักแสดงคนไหนนอกจาก “เปิ้ล นาคร, สตาร์บัค สาระแน และวีเจอิ๊งค์” กล้าแสดง
เปิ้ล นาคร : “เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ และสิ่งที่คนดูจะได้รับนั้น อยากจะบอกไว้อย่างหนึ่งว่าตอนนี้เป็นช่วงฟื้นฟูประเทศไทย อยากให้คนที่อยากจะฟื้นฟูอารมณ์ตัวเองให้มาดู รักเว้ยเฮ้ย! รับรองว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่มีความจำเป็นมากในช่วงหลังน้ำลด เพราะช่วงหลังน้ำลดโรคระบาดมันเยอะ ฉี่หนู คันเท้า คันแขน คันขา คันหู มาดู รักเว้ยเฮ้ย! แล้วจะหายครับ”
วีเจอิ๊งค์ ชญานุช : “เป็นภาพยนตร์ที่แปลก แหวกแนว มีครบทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะ ตลก ฮา เศร้า ซึ้ง เครียด แอ็คชั่น มีทุกอย่างเลยค่ะ ดูเรื่องนี้แล้วครบทุกรสแน่นอน ซีนดราม่าก็ดราม่าสุดๆ จะตลกก็ตลกสุดๆ เหมือนแบบมันสุดทุกด้านเลยค่ะ โดยเฉพาะอารมณ์ความรักแบบแปลกๆ กลวิธีการจีบสาวที่แปลก คนอื่นต้องไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อนแน่นอน บางครั้งมันจะเป็นมุกเสี่ยวบ้างๆแต่มันก็แฝงไปด้วยความน่ารัก บางครั้งก็เป็นการกระทำแบบดิบๆเถื่อนๆแต่ว่าโต๊ะอี้ชอบแบบนั้นก็เลยรู้สึกว่าผู้ชายแบบนี้แหละใช่แล้ว มีหลายฉากเหมือนกันถ้าดูแล้วจะเฮ้ย!คนรักกันเขาทำแบบนี้หรอ แต่ก็เป็นสไตล์แบบรักเว้ยเฮ้ย!ค่ะ”
สตาร์บัค : “รักเว้ยเฮ้ย!ยย...(5555) สำหรับภาพยนตร์เรื่องรักเว้ยเฮ้ย! ก็เป็นภาพยนตร์รักโรแมนติก คอเมดี้ครับ เรื่องราวเกี่ยวกับความรัก แต่ไม่ได้หวานแหววให้ดอกกุหลาบกัน ก็มีโรแมนติกแบบกุ๊กกิ๊กในเชิงแบบน่ารักใสๆบ้าง และเป็นความรักแบบประหลาดๆหน่อย แต่รับรองว่าสนุกสนานแน่นอนครับ”
หลักสูตรการจีบสาวเบื้องต้นสไตล์(น้า)หมา
หน้าต้องเลิศ ทรงผมต้องเดิ้น
“อันดับแรกที่น้าหมาต้องชี้แจง คือเรื่องหน้าตา สมัยนี้ผู้ชายต้องดูแลใบหน้า ต้องรู้จักทำหน้าตาของเราให้เด้งอยู่ตลอดเวลา เด้งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้ากับตำรามีหน้าตาเป็นอาวุธ ทรงผมก็เช่นกันตีกระบังสูงเว่อร์เข้าไว้ สาวเห็นสาวจะได้รู้ว่าเราเป็นพวกผู้ชายหัวสูง...อิอิ”
เสื้อผ้าต้องดูดี มาดแมนสุดเนี๊ยบนิ้ง
“แหมมม....ไอ้พวกกางเกงขาม้า ขากระดิ่ง ขากระบอก โยนทิ้งมันให้หมดเลยนะ น้าหมาคิดว่าวับรุ่นยุคนี้มันต้องรัดรูปฟิตเปี๊ยะ หุ่นต้องฟิตปึ๋งปั๋ง เท่านั้นยังไม่พอน๊า..เพิ่มความแมนทั้งแท่งด้วยการสัก Tattoo ลายนินจาฮาโตริ โอ้ว์!พระจ้าวจอร์จ มันยอกมากก”
บุกบ้านสาว เข้าหาทางเพื่อน
“การที่เราจะเริ่มลงมือจีบใครสักคน เราต้องรู้ให้ลึกรู้ให้จริง และแหล่งข้อมูลชั้นเลิศคือ ถังขยะ! ไม่ต้องอ้าปากค้างครับ ถังขยะ! นี่แหละ ที่จะทำให้เรารู้ว่าสาวมีรสนิยมยังไง ชอบใช้สิ่งของอะไร และชอบกินอะไร ที่พลาดไม่ได้คือ เพื่อนสนิท เราต้องตีซี้และเข้าทางเพื่อนให้ได้ก่อน จำไว้นะหวังจะเคลมสาว ต้องเคลมเพื่อนสาวให้ได้ก่อน...อุ๊บส์!!!”
ดินเนอร์สุดหรู จูจุ๊บสุดสยิว
“เดทครั้งแรก จะต้องเป็นเดทประทับใจ เดทสุดวิเศษ เราอย่าไปเกร็งปล่อยตัวสบายๆ และเมื่อสบโอกาสปุ๊ป! กระชากสาวเข้ามาใกล้ พร้อมกับบรรจงรสจูบอย่างนุ่มนวลเย้ายวนใจ อยากรู้ว่าวิธีการจูบต้องทำยังไง เข้ามาใกล้ๆสิจ้ะน้าหมาจะบอกให้..จ๊วบบบบบบบ!!!”
ประวัติผู้กำกับ
ชื่อ กุลชาติ จิตขจรวานิช (ล้ง)
การศึกษา คณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน (2543)
คณะรัฐศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ (2549) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เริ่มทำงานที่บริษัท ลักซ์ 666 เป็นครีเอทีฟให้กับรายการสาระแน และบริษัท WORK POINT ENTERTAINMENTก่อนจะผันตัวเองไปรับหน้าที่ทั้งผู้กำกับภาพยนตร์, เขียนบทภาพยนตร์, ออกแบบงานสร้าง และควบคุมงานสร้างในนามบริษัท MA-IS FILM ให้กับกระทรวงวัฒนธรรม โดยกำกับภาพยนตร์สั้น 3 เรื่อง ได้แก่ ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “โขน / คน / บีบอย”, ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “ตกข่าว” และภาพยนตร์สั้นเรื่อง “อุดม-สันติ”
ล่าสุดผู้กำกับหนุ่มอารมณ์ดีและใจเย็น ล้ง กุลชาติ มีผลงานภาพยนตร์เรื่อง “รักเว้ยเฮ้ย!” หนังรักฮาสุดรั่ว ด้วยการจับคู่หูคู่ฮาอย่าง เปิ้ล นาคร และหนุ่มสุดฮ๊อต สตาร์บัค-พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล ปะทะมุกจีบสาวขั้นเซียน เตรียมสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับภาพยนตร์แนวคอเมดี้-โรแมนติก
ผลงานที่ผ่านมา
- กำกับหนังสั้น เรื่อง “สวะ! ดีค่ะ” พ.ศ.2543
ได้รางวัลรองชนะเลิศประเภท บุคคลทั่วไป-รัตน์เปสตันยี ของมูลนิธิหนังไทย พ.ศ.2542
OFFICAL SELECTION: PLASTIQUE KINETIC WORMS FESTIVAL 2000 ประเทศสิงคโปร์
OFFICAL SELECTION: THE 2nd BANGKOK EXPERIMENTAL FILM FESTIVAL
- กำกับหนังสั้น เรื่อง “ศีล๔”
ได้รับการคัดเลือก จากหอภาพยนตร์แห่งชาติ ในวาระครบรอบ100ปีภาพยนตร์ไทย ให้อยู่ใน “ทำเนียบ100หนังไทย ที่คนไทยควรดู” ซึ่งประกอบด้วยภาพยนตร์เรื่องยาว 87 เรื่องและหนังสั้น 13เรื่อง
ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนังสั้นในความทรงจำ 1 ใน 20 เรื่อง...ซึ่งคัดจากหนังสั้นกว่า 1,500 เรื่อง ที่ส่งมาประกวดของมูลนิธิหนังไทยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
The 10th Thai short Film & Video Festival 2006
OFFICAL SELECTION: “ One long night of short : short night of the long memory”
- กำกับภาพยนตร์และเขียนบท เรื่อง “K.F.C. / Kill Fat Cook” ภาพยนตร์อิสระ ประเภท experimental 2549
OFFICAL SELECTION: Bangkok Demo crazy Bangkok Experimental Film Festival (BEFF4)
- กำกับภาพยนตร์ , เขียนบทภาพยนตร์ , ออกแบบงานสร้าง , ควบคุมการผลิต
ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “ตกข่าว” , “โขน / คน / บีบอย” และ “อุดม-สันติ” ในนามบริษัท MA-IS FILM ซึ่งได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม โดยกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้กระทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมในการผลิตภาพยนตร์สั้นเพื่อปลุกจิตสำนึกและสร้างค่านิยมที่ถูกต้องเหมาะสมให้กับสังคมไทยในปีพ.ศ.2553 และพร้อมกับนักแสดงนำทุกท่านได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณเช่นกัน