กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--เอฟ เอ คิว
การประชุมผู้บริหารระดับสูงขององค์กรภาคธุรกิจและการลงทุนของอาเซียน (ASEAN Business and Investment Summit : ABIS) ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดไปเมื่อเร็วๆ นี้ ได้สนับสนุนอิทธิพลของอาเซียนบนเวทีโลก ในฐานะที่เป็นภูมิภาคซึ่งเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก มีสถานที่ตั้งทางยุทธศาสตร์อยู่ระหว่างประเทศอินเดียและจีน ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ โอกาสทางการตลาดที่ยังไม่มีใครครอบครองได้แบบเบ็ดเสร็จ มีฐานผู้บริโภคจำนวนมหาศาล และศักยภาพด้านบุคลากรอย่างมากมาย โดยจีอี ได้บรรลุข้อตกลงสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและการค้าในอาเซียนหลายสัญญา จากอุตสาหกรรมการขนส่งและการบิน
ทั้งนี้ นางฮิลลารี่ ร็อดแฮม คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา กล่าวถึงการขยายโอกาสในอาเซียนว่า จะมีส่วนสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งการสนับสนุนดังกล่าว ได้นำมาสู่การคว้าสัญญาสำคัญหลายฉบับของจีอี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจการบิน ซึ่งบริษัทได้รับคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์จากสายการบินหลายแห่งในภูมิภาคนี้
โดยหนึ่งในสัญญาสำคัญที่สุด คือ คำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์รายใหญ่สุดจากสายการบิน “ไลอ้อน แอร์” ของอินโดนีเซีย ซึ่งจะจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้งจำนวน 230 ลำ ประกอบด้วย เครื่องโบอิ้งรุ่น B737 MAX จำนวน 201 ลำ และรุ่น B737-900ER จำนวน 29 ลำ โดยทั้ง 2 รุ่นเป็นเครื่องที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ CFM สัญญาฉบับนี้มีมูลค่าถึง 21.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ยังมีสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ที่ยืนยันข้อตกลงการซื้อโบอิ้ง B777-300ERs อีกจำนวน 8 ลำ ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 16 GE90 มีกำหนดการส่งมอบตั้งแต่ต้นปี 2556-2557
ก่อนหน้านี้ บริษัท จีอี อะวิเอชั่น ได้รับสัญญามูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากสายการบินแห่งชาติของอินโดนีเซีย “การูด้า อินโดนีเซีย” ให้ผู้จัดหาเครื่องยนต์ CFM LEAP เพื่อติดตั้งให้กับเครื่องบินแอร์บัส A320neo ใหม่จำนวน 10 ลำ และเครื่องยนต์ CFM56-5B เพื่อติดตั้งให้กับเครื่องแอร์บัส A320-200 ใหม่อีก 15 ลำ รวมถึงสัญญาใหม่ด้านการบริการสำหรับเครื่องยนต์ CFM56-7B สำหรับเครื่องโบอิ้ง B737-800 ให้กับสายการบินการูด้า ในส่วนอุตสาหกรรมการขนส่งนั้น จีอี บรรลุข้อตกลงเบื้องต้น ( preliminary agreement ) จากการรถไฟของอินโดนีเซีย “พีที เกเรตา อาปิ (PT Kereta Api)” เพื่อจัดหาโบกี้รถไฟจำนวน 100 คันสำหรับเกาะชวา
ผลจากการขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนนั้น คณะผู้บริหารของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอาเซียน-สหรัฐนั้น ได้ขยายตัวถึง 3 เท่าตลอดช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา และเมื่อปี 2553 การลงทุนของสหรัฐในภูมิภาคนี้ก็เติบโตขึ้นเป็น 2 เท่า โดยนางคลินตัน ยังย้ำถึงความสำคัญใน 4 ประเด็นหลักซึ่งเป็นตัวกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้เติบโต ได้แก่ การลดการกีดกันทางการค้า, เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับบรรยากาศการลงทุน, การดำเนินการฑูตเชิงพาณิชย์ และให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐ กำลังผลักดันการพัฒนาข้อตกลงทางการค้า ภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าเสรี ระหว่างประเทศ 9 ประเทศ (Trans-Pacific Partnership : TPP) ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู บรูไน สิงคโปร์ มาเลเชีย และเวียดนาม ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้าง “ประชาคมการค้าที่อยู่ภายใต้กฎระเบียบร่วมกัน เพื่อให้มีการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” โดยกรอบข้อตกลงดังกล่าว มองถึงการเอื้ออำนวยและสนับสนุนด้านการค้า, เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างให้เกิดสภาพแวดล้อมทางกฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ สมาชิก 4 ประเทศจากทั้งหมด 9 ประเทศในข้อตกลงดังกล่าวที่เป็นสมาชิกอาเซียน (สิงคโปร์, บรูไน, มาเลเซีย และเวียดนาม) ได้แสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างของภูมิกาค ต่อการลงทุนและการค้าโลก
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของหอการค้ามาเลเซีย-อเมริกัน และหอการค้าอเมริกันในประเทศต่างๆ จีอี ได้ให้การสนับสนุนความพยายามที่จะลดอุปสรรคในการทำธุรกิจในภูมิภาคนี้ และเอื้ออำนวยการเจรจาต่างๆ
จีอี ได้เข้ามาทำธุรกิจในอาเซียนเป็นเวลากว่าศตวรรษมาแล้ว และปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในผู้มีส่วนสร้างและผลักดันการเติบโตให้กับภูมิภาคนี้, สนับสนุนการพัฒนาทั้งด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน และเพื่อรักษาจุดยืนนี้ให้ดำรงอยู่ต่อไป บริษัทกำลังแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในเรื่อง “จากยุทธศาสตร์ของบริษัทสู่ประเทศ” ด้วยการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ถึงสิ่งที่ประเทศในภูมิภาคนี้ต้องการ และนำทรัพยากรทั้งหมดที่จีอีมีอยู่เข้ามาตอบโจทย์เหล่านั้นให้ได้
"เราจะเดินหน้าเติบโตตามรอยภูมิศาสตร์อย่างต่อเนื่อง โดยเดินตามลูกค้าของเราไปยังตลาดที่มีการเติบโต ทั้งนี้ แม้ว่าอาเซียนจะเป็นภูมิภาคแห่งความหลากหลาย แต่ประโยชน์จากความหลากหลายนั้นก็คือ การมีความต้องการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยจีอี มีเป้าหมายที่จะสร้างให้เกิดโอกาสสูงสุดด้วยแนวคิดที่ถูกต้อง ณ เวลาที่เหมาะสม” นายสจ๊วต ดีน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีอี ประจำภูมิภาคอาเซียน กล่าว
ทั้งนี้ จีอี กำลังจับตามองประเทศอินโดนีเซียว่า จะกลายเป็นตลาดที่การเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคนี้ของบริษัท โดยคาดว่าปีหน้าจะขยายตัวในระดับตัวเลข 3 หลัก ขณะที่ บริษัทก็ได้คว้าสัญญาใหญ่ๆ จากประเทศนี้แล้วหลายฉบับ ทั้งในสาขาพลังงาน การบิน และการขนส่ง รวมทั้งมีกำหนดเปิดตัวนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ของจีอีในประเทศอินโดนีเซียในปี 2555 อีกด้วย
เกี่ยวกับจีอี
จีอีมุ่งมั่นในการคิดค้นสิ่งที่ดีต่อมนุษยชาติ ด้วยบุคลากรที่เก่งที่สุด และเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุด โดยมุ่งหาวิธีแก้ปัญหาในด้านพลังงาน สุขภาพและที่อยู่อาศัย การขนส่งและการเงิน ด้วยการสร้างและเพิ่มพลังการขับเคลื่อนในการดูแลรักษาโลกของเรา เหล่านี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่จินตนาการ แต่จีอีเราลงมือทำ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ge.com.
หากต้องการข้อมูลเติมสามารถติดต่อได้
ตัวแทนประชาสัมพันธ์ จีอี ประเทศไทย
เมธาวี เฉลิมธนศักดิ์ , ภคินี เทียมคลี
บริษัท เอฟ เอ คิว จำกัด
โทรศัพท์:+66 2 971 3711 ต่อ 123
อีเมล์: maythavee@pc-a.co.th, pakinee@pc-a.co.th