กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--MMM Digital Asset
“มันเป็นการผจญภัยครั้งสุดท้ายของเราแล้ว วัตสัน ผมตั้งใจจะลุยเองซะส่วนใหญ่”
ตัวละครอันทรงเกียรติที่แสดงโดยโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ในเรื่อง “Sherlock Holmes” ได้ข้ามพรมแดนที่คุ้นเคย หมวกล่ากวางที่เป็นสัญลักษณ์เดิมของเขาพร้อมทั้งไปป์ทรงโค้งและเหรียญเกียรติยศอันเลิศหรูของอังกฤษได้หายไป แล้วกลับเปลี่ยนเป็น นักสู้มือเปล่าผู้มีความชาญฉลาด ซึ่งมีพลังทางกายเทียบเท่ากับสติปัญญาที่เฉียบขาด และอำนาจในการหยั่งรู้ความคิดที่ไม่ธรรมดา
ริตชี่ กล่าวว่า “หนึ่งในประเด็นสำคัญของหนังเรื่องแรกคือการไม่ทำอะไรให้กระจัดกระจาย หากเราจะสร้างความประทับใจให้ตัวละครที่ผมคิดว่าผู้คนจำนวนมากให้ความคาดหวัง เพื่อเป็นการคงผลงานเดิมของโคแนน ดอยล์เอาไว้ เราอยากมุ่งไปที่ด้านทางโลกของโฮล์มส์ในระหว่างที่ถ่ายทอดไหวพริบและความฉลาดของเขา ซึ่งโรเบิร์ตก็แสดงทุกอย่างได้มากยิ่งกว่า มีความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ หลายอย่างเกิดขึ้นที่เพิ่มเข้ามาในบทบาท ผมพบว่าจะจินตนาการถึงใครไปไม่ได้อีกเลยนอกจากเชอร์ล็อค โฮล์มส์”
ดาวนีย์ ตอบกลับว่า “ผมรักการทำงานร่วมกับกาย; มันเป็นขั้นตอนการทำงานร่วมกันและเขาก็มีอารมณ์ขันสุดๆ ซึ่งมันเกิดขึ้นในการแสดงที่นี่จริงๆ ในหนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบหลายอย่างที่เป็นการค้นพบเชอร์ล็อค โฮล์มส์ทั้งหมดอีกรอบ เราอยากคงอารมณ์ความสนุกนั้นเอาไว้แต่ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น”
“โรเบิร์ตเข้าใจดีว่าจะเข้าถึงความคิดของเชอร์ล็อค โฮล์มส์ ได้อย่างไร เพื่อทำให้เขาดูสนุกสนาน ไม่ธรรมดา และเชื่อได้สนิทใจว่าเป็นนักสืบผู้เลื่องชื่อตลอดกาล ดูแล้วเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์” ซิลเวอร์ กล่าว
ดาวนีย์เปิดเผยว่า “หลายเดือนต่อมา เราได้เห็นผลที่ตามมาจากการที่โฮล์มส์หมกมุ่นอยู่กับมอริอาร์ตี้ ซึ่งจุดนั้นเขา ‘เกิดอาการเพี้ยน’ อย่างชัดเจน โฮล์มส์มุ่งความสนใจไปที่เขาจนตัดทุกเรื่องออกไป แม้กระทั่งการมีสุขภาพจิตที่ดีของเขาเองก็ตาม” นักแสดงชายยิ้ม
ริตชี่ กล่าวว่า “พวกเราทุกคนรักในการที่มีความอัจฉริยะของเชอร์ล็อค โฮล์มส์ ถึงแม้เราจะมีอารมณ์ร่วมไปกับวัตสันมากกว่าก็ตาม ด้วยความที่เขาเป็นหมอเขาจึงมีสติปัญญาอยู่กับตัวเขาอยู่แล้ว แต่สำหรับระดับความจริงจัง วัตสันเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่ถูกเสนอการเคลื่อนไหวในชีวิต และโฮล์มส์ก็เป็นเหมือนประตูแห่งโอกาสสำหรับชีวิตนั้น ทำให้เป็นการร่วมมือที่เข้าขากัน และนั่นคือพลังที่คอยขับเคลื่อนเรื่องราวเหล่านี้”
ความสัมพันธ์ระหว่างโฮล์มส์และวัตสันสะท้อนถึงมิตรภาพที่อยู่เบื้องหลังฉากระหว่างนักแสดงทั้งสองที่มารับบทบาท ดาวนีย์กล่าวว่า “ผมรู้สึกว่าจู้ดเป็นเหมือนกับที่เชอร์ล็อครู้สึกเกี่ยวกับจอห์น นั่นคือ ผมชอบคนที่เป็นเหมือนพี่น้อง ผมไม่ร้องขอคู่หูที่ดีไปกว่านี้แล้ว”
“การพัฒนาปฏิสัมพันธ์ระหว่างโฮล์มส์และวัตสันเป็นหนึ่งในข้อดีจากหนังภาคแรก และจากการอนุญาตให้มีการสร้างภาคต่อ โรเบิร์ตและผมก็ย้อนกลับไปหามันได้อย่างรวดเร็ว” ลอว์ นึกย้อนกลับไปว่า “ครั้งนี้เราได้เปรียบจากที่เรามีความเข้าใจตัวละครจริงๆ มีการอิงรากฐานมิตรภาพของพวกเขามาจากภาคแรก เราจึงวางใจสัญชาตญาณของเราและแสดงออกไปให้มากยิ่งขึ้นได้อีก”
มิเชล มัลโรนีย์ เล่าว่าความสนิทสนมของเหล่านักแสดงกับตัวละครของพวกเขาทำให้พวกเขาแสดงได้อย่างมีชีวิตชีวา “โรเบิร์ตและจู้ดใช้ชีวิตซึมซับกับตัวละครทั้งสองของพวกเขา และเข้าใจดีว่าอะไรทำให้พวกเขาเข้ากันได้ ไม่มีบทสนทนาไหนที่จะผ่านพวกเขาไปได้หากพวกเขาคิดว่ามันไม่ลงตัว มันเป็นสิ่งล้ำค่ามากที่มีพวกเขาเป็นเหมือนผู้คอยปกป้องความรู้สึกของโฮล์มส์และวัตสัน”
“โรเบิร์ตและจู้ดเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่รักในสิ่งที่พวกเขาทำจริงๆ และพวกเขาต่างเป็นเพื่อนที่ดีของกันและกันด้วย” ริตชี่ กล่าวเสริมว่า “การมีส่วนผสมเหล่านั้นทำให้มีพลังที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในฉากและทำให้งานทุกอย่างง่ายขึ้นมาก”
ติดตามการสืบหาเบาะแส ของนักสืบสุดซ่าส์กับคู่หูน่าเกรงขามได้ใน
"Sherlock Holmes: A Game of Shadows —
เชอร์ล็อค โฮล์มส : เกมพญายมเงามรณะ"
22 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
ดูตัวอย่าง http://youtu.be/tuijF9X2h7M