กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
กสิกรไทย ตั้งเป้าปี 55 ครองอันดับ 1 ธุรกิจตลาดทุนต่อเนื่อง ทั้งด้านบริการเพื่อบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ปล่อยกู้ร่วมสินเชื่อโครงการ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การจำหน่ายตราสารหนี้ คาดปีหน้าสินเชื่อร่วมสูงถึง 3.4 แสนล้าน ตั้งเป้าส่วนแบ่ง 22% เอกชนออกหุ้นกู้ 3 แสนล้าน หวังส่วนแบ่ง 20%
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 2554 ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารแรกที่ได้ริเริ่มการทำ "Night Shift" หรือการให้บริการซื้อขายเงินตราต่างประเทศนอกชั่วโมงทำการ รวมถึงในวันหยุดราชการ ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก อีกทั้งเป็นธนาคารยังเป็นธนาคารแห่งแรกที่ให้บริการธุรกรรมระหว่างประเทศในสกุลเงินหยวนอย่างครบวงจร ซึ่งทำให้ธนาคารมีส่วนแบ่งการตลาดจากการซื้อขายสกุลเงินหยวนเป็นอันดับหนึ่ง
นอกจากนี้ ธนาคารได้มีการปล่อยสินเชื่อร่วม (Syndicated Loan) ให้กับภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าการปล่อยสินเชื่อร่วมของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ณ ปี 2554 จะมีมูลค่ารวมประมาณ 333,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้สินเชื่อโครงการ (Project Finance) มีสัดส่วนสูงที่สุดประมาณ 27% หรือมีมูลค่าประมาณ 90,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่าสินเชื่อประมาณ 68,000 ล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้นำตลาดทั้งในด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และการเป็นผู้จัดการสินเชื่อโครงการ มีสัดส่วนการเป็นผู้จัดการสินเชื่อโครงการธุรกิจพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยกว่า 47% หรือคิดเป็นมูลค่าสินเชื่อประมาณ 33,000 ล้านบาท
ส่วนการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ในตลาดแรก ในปี 2554 มีภาคเอกชนระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้มูลค่าประมาณ 246,000 ล้านบาท โดยมีธนาคารกสิกรไทยทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายประมาณ 35,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งประมาณ 14% สำหรับตลาดรอง ธนาคารยังคงความเป็นผู้นำด้านการค้าตราสารหนี้ เนื่องจากตลาดรองจะทวีความสำคัญและมีปริมาณซื้อขายสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 คาดว่าจะมีปริมาณซื้อขายตราสารหนี้ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนในตลาดรองมากกว่า 23 ล้านล้านบาท และธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่สุด มีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 13%
ในปี 2555 คาดการณ์ว่า ตลาดการเงินจะมีความผันผวนสูงกว่าปี 2554 เนื่องจากตลาดต่าง ประเทศยังไม่มีความชัดเจน โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะเคลื่อนไหวในช่วง 29.5-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และปลายปีจะอยู่ที่ประมาณ 29.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากปัจจัยหลักด้านเงินทุนที่คาดว่าจะยังคงไหลเข้าสู่ตลาดเอเชีย เนื่องจากภูมิภาคนี้มีการเติบโตในระดับสูง เมื่อเทียบกับตลาดยูโรโซนและสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ อีกทั้งคาดว่าแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของยูโรโซนและสหรัฐฯ น่าจะใช้วิธีการอัดฉีดสภาพคล่อง หรือการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ซึ่งจะช่วยเสริมให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น และจะหนุนให้เงินไหลเข้าสูตลาดที่มีผลตอบแทนดีกว่า เช่น ประเทศไทย
จากปัจจัยดังกล่าว คาดว่าในปีหน้า จะมีปริมาณการปล่อยสินเชื่อโครงการและสินเชื่อร่วมเพื่อลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบอยู่ที่ประมาณ 341,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเชื่อว่า ด้วยความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการด้านการปล่อยสินเชื่อโครงการและสินเชื่อร่วม และการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารจะยังคงความเป็นผู้นำในการจัดการสินเชื่อร่วมคิดเป็นมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาด 22%
ด้านตลาดตราสารหนี้ของไทยในปี 2555 คาดว่าภาคเอกชนจะออกตราสารหนี้มูลค่าประมาณ 300,000 ล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาคเอกชนไว้ 20% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท ส่วนการค้าตราสารหนี้ในตลาดรอง คาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มเป็นประมาณ 25.4 ล้านล้านบาท โดยธนาคารตั้งเป้าคงความเป็นผู้นำในตลาดด้วยมูลค่าการซื้อขายประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 15%
นายธิติ กล่าวว่า ในปี 2555 สินเชื่อร่วมที่ยังคงมีบทบาทสำคัญ คือ สินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และโทรคมนาคมเป็นหลัก คาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนทั้งหมดรวมไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท โดยธุรกิจพลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นโครงการพลังงานทางเลือก (Renewable Energy Project) เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ส่วนธุรกิจโทรคมนาคมส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในเครือข่าย 3G หากการประมูลใบอนุญาต 3G บนย่านความถี่ 2.1 GHz เกิดขึ้นในปีหน้า
สำหรับธุรกิจตลาดทุนในปี 2555 ธนาคารกสิกรไทยมีเป้าหมายในการรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจตลาดทุนไทยในทุก ๆ ด้าน ทั้งการให้บริการผลิตภัณฑ์เพื่อบริหารความเสี่ยงทางการเงิน การเป็นผู้จัดการสินเชื่อร่วม สินเชื่อโครงการ การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึงการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในการเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาคเอกชน และครองตำแหน่งผู้นำในการค้าตราสารหนี้ในตลาดรอง อีกทั้งยังมุ่งเป็นผู้นำในการเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) โดยธนาคารกสิกรไทยมุ่งเน้นเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างครบวงจรที่สอดคล้องกับภาวะตลาดและความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจตามที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ