กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--ก.ไอซีที
นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยในการแถลงข่าว “ThaiCERT” กับ “ความมั่นคงปลอดภัยของธุรกรรมออนไลน์” ว่า ปัจจุบันการทำธุรกรรมออนไลน์ในประเทศไทยได้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment นั้น มีมูลค่าสูงกว่า 680 ล้านล้านบาท ซึ่งการผลักดันให้จำนวนและมูลค่าการทำธุรกรรมออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ จำเป็นจะต้องมีหน่วยงานและบุคลากรที่มีศักยภาพ และมีความพร้อมของทรัพยากรเพื่อเตรียมโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ มีความมั่นคงปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือเอื้อต่อการทำธุรกรรมออนไลน์
“ความมั่นคงปลอดภัยถือเป็นมิติสำคัญที่เอื้อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่น่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น กระทรวงไอซีที ได้เล็งเห็นความสำคัญในการทำงานเชิงรุกของการรักษาความมั่นคง ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงฯ ในด้าน “Security” ที่มีส่วนทำให้ประเทศไทยมี Smart Business และนำไปสู่ความเป็น Smart Thailand อย่างสมบูรณ์แบบ จึงได้มอบหมายให้ “ThaiCERT” หรือ ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ทำหน้าที่ผลักดันการดำเนินงานในทางปฏิบัติ” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว
“ThaiCERT” นั้น เดิมเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามภารกิจของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้โอนภารกิจนี้มายัง สพธอ. ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นมา เพื่อสานต่อภารกิจดังกล่าวให้มีความแข็งแกร่ง โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักกระทรวงไอซีทีในการปฏิบัติภารกิจป้องกันและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งนับเป็นอีกบทบาทหนึ่งของ สพธอ. ในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงไอซีที
“หน้าที่หลักของ “ThaiCERT” คือ การรับแจ้งเหตุและแก้ปัญหาภัยคุกคามด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา สามารถรับแจ้งเหตุภัยคุกคามจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศเฉลี่ยมากกว่า 100 เรื่องต่อเดือน โดยการรับแจ้งภัยคุกคามเรื่องการฉ้อฉล ฉ้อโกง หรือหลอกลวงนั้น มีมากกว่า 48% รองลงมาเป็นเรื่องการโจมตีและเจาะระบบคอมพิวเตอร์ประมาณ 13.6% ส่วนที่เหลือเป็นภัยคุกคามอื่นๆ เช่น ภัยคุกคามที่เกิดจากโปรแกรมไม่พึงประสงค์ เป็นต้น” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว
นอกจากนี้ “ThaiCERT” ยังได้ดำเนินการประสานความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาภัยคุกคามร่วมกับเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ ได้แก่ สมาคมอีคอมเมิร์ซ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย สมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ สมาคมความมั่นคงทางด้านไซเบอร์แห่งประเทศไทย (CSAT) สมาคมธนาคารไทย สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ประชาคมความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเนคเทคอีกด้วย
“สำหรับแผนงานในช่วง 6 เดือนต่อไปของ “ThaiCERT” นั้น ได้มีการวางเป้าหมายในการให้บริการรับแจ้งเหตุภัยคุกคามด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และจะยกระดับการทำงานให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เน้นการทำงานเชิงลึก โดยเจาะ ไปที่กลุ่มผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตและผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มการเงินการธนาคารและกลุ่มหน่วยงานภาครัฐ ส่วนผู้ที่ต้องการ แจ้งเหตุภัยคุกคามกับ “ThaiCERT” สามารถติดต่อได้ 2 ช่องทาง คือ ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0 — 2142 - 2483 เวลา 8.30 — 17.30 น. ทุกวันยกเว้นวันหยุดราชการ และทางอีเมล์ที่ report@thaicert.or.th “นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว