กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--ยูบีซี
วันนี้ กลุ่มบริษัทยูไนเต็ด บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น ได้ แถลงผลประกอบการสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2546 ว่า กลุ่มยูบีซีมีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมียอดขาดทุน 258.9 ล้านบาท เป็นจำนวนถึง 389.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 250.6 % สำหรับยอดสมาชิก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 มีจำนวนทั้งสิ้น 434,815 ราย โดยเป็นยอดสมาชิกที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 จำนวน 9,060 ราย ซึ่งเป็นปีแรกที่ยูบีซีสามารถทำกำไรได้นับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา
มร.วาสิลี สกูร์ดอส ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน กลุ่มบริษัทยูบีซี เปิดเผยว่า ผู้บริหารรู้สึกพอใจกับผลการดำเนินงานและความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่องในปี 2546 รวมทั้งยอดสมาชิกที่กลับมาเติบโตขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารยังมีความกังวลเมื่อพิจารณาสมาชิกทั้งปีจะพบว่าจำนวนสมาชิกสุทธิลดลง 3,030 ราย "การที่บรรดาผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นยังคงละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ รวมถึงการที่ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นจำนวนกว่า 300 ราย ยังคงสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้โดยไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ ทำให้การขยายฐานสมาชิกยูบีซีเป็นไปได้ยาก
ยูบีซีไม่อยู่ในฐานะที่จะแข่งขันกับผู้ประกอบการเหล่านั้นได้ เนื่องจากยูบีซีมีภาระต้องจ่ายค่าสัมปทาน 6.5 % ของรายได้ให้กับหน่วยงานของรัฐ และต้องลงทุนในค่าลิขสิทธิ์รายการต่างๆ เป็นจำนวนเงินกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังต้องลงทุนในด้านระบบการออกอากาศ รวมถึงอุปกรณ์รับสัญญาณสำหรับสมาชิกเป็นจำนวนเงินมากกว่า 12,800 ล้านบาท ในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ จ่ายค่าสัมปทานในอัตราที่ต่ำกว่ามากหรือไม่มีการจ่ายเลย และใช้เงินลงทุนในส่วนของค่าลิขสิทธิ์รายการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากมีการละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งมิได้มีการลงทุนในด้านเทคโนโลยีการออกอากาศที่เหมาะสมเพื่อใส่รหัสสัญญาณไม่ให้มีผู้ลักลอบได้" มร. สกูร์ดอส กล่าว
นายสมพันธ์ จารุมิลินท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางภาครัฐให้มีความทันสมัยและเหมาะสม โดยคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงทางธุรกิจและเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ และการกำหนดทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้ธุรกิจนี้เติบโตต่อไปในอนาคตว่า "เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐจะต้องสร้างสนามการแข่งขันทางธุรกิจที่เท่าเทียมกัน โดยผู้ประกอบการทุกรายจะต้องได้รับการปฏิบัติจากภาครัฐ และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งนี้จะเป็นเพียงทางเดียวที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับเป็นสมาชิกในประเทศไทยมีความโปร่งใส ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการทุกรายได้รับโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจอย่างเท่าเทียมกัน"--จบ--
-รก-