“พรหมินทร์” กอดคอฟิลิปปินส์ หวังเชื่อมศูนย์กลางการค้าน้ำมันศรีราชาและคลังน้ำมันอ่าวซูบิก

ข่าวทั่วไป Friday February 20, 2004 08:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--กระทรวงพลังงาน
“พรหมินทร์” กอดคอฟิลิปปินส์ หวังเชื่อมศูนย์กลางการค้าน้ำมันศรีราชาและคลังน้ำมันอ่าวซูบิก เป็นฐานส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางสู่เอเซียตอนบน ลั่นเพื่อสร้างความร่วมมือเพื่อความ มั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาคอย่างยั่งยืน
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ ว่า นับเป็นผลการเยือนประเทศเพื่อนบ้าน ที่ประสบผลสำเร็จอย่างสูง โดยได้มีการหารือร่วมกับนายวินเซนด์ เปเรซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานฟิลิปปินส์ เพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านพลังงาน ระหว่างสองประเทศที่สำคัญ อาทิ การพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านปิโตรเลียมในภูมิภาค โดยเฉพาะแนวทางการเชื่อมโยงศูนย์กลางการค้าน้ำมันที่ศรีราชาของไทย กับคลังน้ำมันอ่าวซูบิกของฟิลิปปินส์ เพื่อประโยชน์ของการสำรองน้ำมัน และการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ให้เต็มประสิทธิภาพของคลังน้ำมัน
ซึ่งปัจจุบัน คลังน้ำมันที่อ่าวซูบิกซึ่งมีปริมาณความจุ 2.4 ล้านบาเรล ยังใช้ประโยชน์ไม่เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการเชื่อมต่อโครงการเส้นทางยุทธศาสตร์พลังงานในอนาคต เพื่อทำการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง ไปยังเอเซียตอนเหนือ ที่จะมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น ประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเวียตนามตอนเหนือ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับ นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถึงทิศทางความ ร่วมมือด้านพลังงานระหว่าง 2 ประเทศ จากนั้นได้ร่วมกันเป็นสักขีพยาน การลงนามข้อตกลงบันทึกความเข้าใจระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และ Philippine National oil company (PNOC) ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านพลังงานของทั้งสองประเทศ ที่สำรวจ พัฒนาและผลิตปิโตรเลียม จัดเก็บ จัดจำหน่าย และพัฒนาส่งเสริมให้เกิดการพึ่งพาระหว่างสองประเทศ รวมทั้งร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีการจัดการพลังงานชนิดอื่น ๆ เช่น พลังงานจากชีวมวล ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินเป็นต้น “ความร่วมมือด้านพลังงาน ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียเกิดขึ้น เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันทั้งจากแหล่งพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ อันจะนำไปสู่การสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้เกิดขึ้นในภูมิภาค ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดี ในการเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก และเป็นการแสดงศักยภาพ และความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของประเทศไทย อันจะช่วยส่งเสริมยุทธศาสตร์พลังงานของไทยที่จะผลักดันสู่การเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค” นายแพทย์พรหมินทร์กล่าว
นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งประเทศไทยและฟิลิปปินส์ มีความเห็นร่วมกัน ที่จะหาทางเลือกใหม่ๆ ของแหล่งพลังงาน เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน กล่าวคือนอกจากการนำเข้าน้ำมันจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางแล้ว ควรจะให้ความสำคัญกับแหล่งพลังงานจากประเทศรัสเซียและประเทศคาซัคสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่มีปริมาณ น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ จำนวนมาก--จบ--
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ