กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
วิเคราะห์ราคาทางเทคนิคช่วงเช้า โดย นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประจำวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554
Gold — ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideway โดยที่ภาพรวมยังเป็นลักษณะของการเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,600 — 1,620 เหรียญ
สรุป ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวในลักษณะ Sideway และนักลงทุนที่ถือครอง GFZ11 ขอย้ำให้ทยอยปิดสถานะ หรือเริ่มเปลี่ยนย้ายการลงทุนไปสู่ GFG112 แทน
หมายเหตุ — บทวิเคราะห์ที่สมบูรณ์แนะนำให้อ่านทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ GOLD ANALYSIS, GOLD RECAP และ GOLD MARKET
MORNING RECAP
ราคาทองคำเปิดตลาดช่วงเช้า ณ ระดับ 1,609 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures Z11 เปิดที่ 24,070 บาท Gold Futures G12 เปิดที่ 24,650 สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 23,900 บาท ปรับลดลง 250 บาท
ราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบแคบ อยู่ในช่วงระดับ 1,603 — 1,609 เหรียญ โดยเคลื่อนตัวสู่ระดับต่ำสุดในช่วงเช้าที่ระดับ 1,603 เหรียญ ก่อนมีการยกตัวของราคาในช่วงบ่าย และทำ high ของวัน ณ ระดับ 1,614 เหรียญ ก่อนปิดตลาดภาคบ่าย ณ ระดับ 1,614 เหรียญ
NIGHT RECAP
ราคาทองคำเปิดตลาดช่วงค่ำ ณ ระดับ 1613 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures Z11 เปิดที่ 24,070 บาท Gold Futures G 12 เปิดที่ 24,470 บาท
ราคาทองคำเปิดตลาดช่วงค่ำที่ระดับ 1,613 เหรียญ โดยราคาทองคำแกว่งตัวเป็นกรอบแคบ อยู่ในช่วงระดับ 1,600 - 1614 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดภาคค่ำ ณ ระดับ 1,604 เหรียญ
ข่าวที่สำคัญ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 67.7 ในช่วงต้นเดือนธ.ค. และระดับ 64.1 ในช่วงปลายเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 68.0 จุด
วุฒิสภาของอิตาลีอนุมัติรับรองแผนการรัดเข็มขัดของรัฐบาลในการลงมติไว้วางใจเมื่อวานนี้ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ได้เรียกร้องให้จัดการลงมติดังกล่าวขึ้น เพื่อเร่งรัดการอนุมัติแผนรัดเข็มขัดมูลค่า 3.3 หมื่นล้านยูโร โดยการลงคะแนนของวุฒิสภาในวันนี้ด้วยคะแนน 257 ต่อ 41 เสียง ถือเป็นการอนุมัติขั้นสุดท้าย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. มีจำนวนอยู่ที่ 364,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้าย ในวันนี้ โดยระบุว่า จีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวในอัตรา 1.8% ลดลงจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่าขยายตัว 2%
ต้นทุนการกู้ยืมของฮังการีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน หลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือฮังการีลงสู่ระดับ BB+ ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองในรอบเดือนที่ฮังการีถูกลดอันดับเครดิตลงสู่ระดับดังกล่าว โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของฮังการี ปรับตัวขึ้น 0.41% สู่ระดับ 9.385%