ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทยเผยการแข่งขันคอนโดกรุงรุนแรงในไตรมาส 3

ข่าวอสังหา Tuesday December 27, 2011 16:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ธ.ค.--ไนท์แฟรงค์ นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภาวะการแข่งขันธุรกิจคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ณ ไตรมาสที่ 3 พ.ศ. 2554 ค่อนข้างรุนแรง ถึงแม้ว่าความต้องการคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อันมาจากสถานการณ์น้ำท่วม หากแต่ในช่วงไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงที่คนกรุงเทพฯเดินทางออกต่างจังหวัด เนื่องจากหนีน้ำท่วม ไปยังเมืองท่องเที่ยว กล่าวคือ พัทยา และ หัวหิน ทำให้จำนวนห้องขายของคอนโดในกรุงเทพฯ ลดลงอย่างชัดเจน ในทางกลับกันคอนโดมิเนียมในพัทยาและหัวหินมีจำนวนการขายซื้อขึ้น โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่คือ คนไทย และ มาจากกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯที่เลื่อนการเปิดตัวไปในไตรมาสที่ 4 หรือ บางโครงการเลื่อนไปเปิดตัวปีหน้า อย่างไรก็ตามภาวะการแข่งขันของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯคาดว่าจะทวีความรุนแรงในปีหน้า ณ ไตรมาสที่ 3 มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เพียง 6 โครงการ ซึ่งมีจำนวนหน่วยรวม 2417 หน่วย ส่งผลให้อุปทานสะสมมีจำนวน 253,744 หน่วย ใน 6 โครงการ มี 1 โครงการที่เป็นคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมเกรด กล่าวคือ โครงการที่ระดับราคาขายสูงกว่า 150,000 บาท ต่อ ตารางเมตร ซึ่งโครงการดังกล่าวคือ โครงการมาเวล เรสซิเดนท์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทองหล่อ นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จำนวนอุปทานคอนโดใหม่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง และ โครงการเปิดใหม่บริเวณชานเมืองทั้งหมดตั้งอยู่บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ มีจำนวนยูนิตเปิดขายใหม่สูงถึง 1543 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 64 ของจำนวนอุปทานเปิดขายใหม่ รองลงมาได้แก่ บริเวณรอบใจกลางเมือง อันได้แก่ถนนรัชดาภิเษก และ พระราม 9 มีอุปทานเปิดขายใหม่ร้อยละ 27 และ บริเวณตัวเมืองชั้นใน มีอุปทานเปิดขายใหม่เพียงร้อยละ 9 จำนวนคอนโดมิเนียมที่ขายในช่วงไตรมาสที่ 3 มีเพียง 1140 หน่วย โดยคิดจากโครงการที่เปิดขายใหม่เท่านั้น หากเทียบกับครึ่งปีแรก มีจำนวนคอนโดมิเนียมขายได้สูงถึง 14907 หน่วย ระดับราคาขายปรับเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.5 จากไตรมาสที่ แล้ว นอกจากนี้ระดับราคาขายของคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองและคอนโดมิเนียมบริเวณรอบใจกลางเมืองมีช่วงห่างที่แคบลงทั้งนี้เนื่องจากราคาที่ดินในบริเวณรอบใจกลางเมืองที่มีระบบสาธารณูปโภค กล่าวคือ รถไฟฟ้า ครบครัน และ สะดวก มีการปรับราคาที่ดินเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้ราคาขายสูงขึ้น นายพนม ให้ข้อสังเกตว่า โครงการคอนโดมิเนียมโดยส่วนใหญ่ที่จะเปิดขายในปีหน้า ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษกและพระราม 9 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่ดินที่มีการซื้อขายโดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปีหน้าพัฒนาโดยบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ กล่าวคือ แอล พี เอ็น, พฤกษา, ควอลิตี้ เฮ้าส์, ศุภาลัย, ไอดิโอ, โนเบิล, เอส ซี แอทแซท, เอ็ม บี เค, จี แลนด์ และ แสนสิริ ทั้งนี้เนื่องจากภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยไม่สามารถที่จะแข่งขันในด้านราคาได้ หากเทียบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ นอกจากนี้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ดังกล่าว ยังมีแผนการพัฒนาโครงการในบริเวณเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา หัวหิน ภูเก็ต และ สมุยอีกด้วย เพื่อกระจายความเสี่ยงในพอร์ทการลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ