กรุงเทพฯ--30 ธ.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เผยว่า สำนักงาน คปภ.ได้จัดประชุมร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย สมาคมประกันชีวิตไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ประชุมหารือร่วมกันเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยด้านการจ่ายค่าสินไหมทดแทน และการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและประชาชนผู้เอาประกันภัยในศักยภาพของธุรกิจประกันภัยกรณีมีความจำเป็นผู้ประกอบการสามารถทำความสะอาด ซ่อมแซมเครื่องจักรหรือจัดซื้ออะไหล่ โดยประสานบริษัทประกันภัยโดยตรงเพื่อแจ้งขออนุมัติวงเงินดังกล่าวและเก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานเพื่อประกอบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนต่อไปกรณีที่สามารถกำหนดจำนวนเงินความเสียหายได้แล้วบริษัทประกันภัยจะพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนเบื้องต้น ร้อยละ 10ของจำนวนเงินความเสียหายทั้งหมดให้แก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม
เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเสียหายเบื้องต้นให้ธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียนสามารถดำเนินการต่อไปได้ในระยะแรกเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยแก่นิคมอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรับเป็นศูนย์กลางรวบรวมประเด็นปัญหาของสมาชิกผู้ประกอบการโดยสมาคมประกันวินาศภัยจะจัดตั้งคณะทำงานย่อยขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วทั้งนี้สำนักงาน คปภ. ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะออกเยี่ยมเยียนผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมโดยจะเริ่มที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคก่อนเลขาธิการ คปภ. กล่าวต่อไปว่าความเสียหายจากอุทกภัยในครั้งนี้สูงกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ในเบื้องต้นด้วยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายมาตรการเร่งรัดการชำระค่าสินไหมทดแทนตามเป้าหมายร้อยละ 75 ใน 6 เดือนก็มีพัฒนาการขึ้นมาเป็นลำดับ สำหรับการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยในปีหน้ามีแนวโน้มที่เบี้ยประกันภัยจะสูงขึ้นตามสภาพความเสี่ยงภัยที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการเสนอส่วนลดเบี้ยประกันภัยในกรณีที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงภัยที่ดีได้มาตรฐาน
โดยสำนักงาน คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยจะร่วมกันให้คำปรึกษาแนะนำและความชัดเจนเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการป้องกันความเสี่ยงภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับภาคครัวเรือน และธุรกิจ SMEขณะนี้ภาครัฐได้อนุมัติในหลักการสำหรับงบประมาณ 50,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการจัดตั้งโครงสร้างการประกันมหันตภัยของประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบรับประกันภัยต่อ
อีกทั้งเพื่อให้สาธารณะชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติในอัตราเบี้ยประกันที่ต่ำลงยังคงมีขั้นตอนการดำเนินการอีกหลายประการ อันจะแจ้งให้ทราบต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186