ฟิทช์เพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็น 'A(tha)'

ข่าวทั่วไป Thursday February 26, 2004 11:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวและระยะสั้นของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ("SCC") เป็น 'A(tha)' จาก 'A-(tha) และเป็น 'F1(tha)' จาก 'F2(tha)' ตามลำดับ แนวโน้มมีเสถียรภาพ การปรับอันดับเครดิตครั้งนี้ได้ครอบคลุมถึงอันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดอื่นๆของ SCC ที่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอน ฟิทช์ยังให้อันดับเครดิตใหม่นี้แก่หุ้นกู้ ไม่มีหลักประกัน ไม่ด้อยสิทธิ ชุดใหม่ของ SCC ครั้งที่ 1/2547 ครบกำหนดไถ่ถอน ปี พ.ศ.2551 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท เงินสดที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่จะนำไปใช้ในการไถ่ถอนหุ้นกู้ของ SCC จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาทที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนเมษายนนี้
การเพิ่มอันดับเครดิตในครั้งนี้ สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของ SCC รวมถึงผลการดำเนินงานในอดีตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต จากการที่ SCC ให้ความสำคัญกับการลดระดับหนี้สิน การพัฒนารายได้ที่มาจากธุรกิจหลัก และการขายสินทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก สถานะทางการเงินของ SCC ได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน โดย SCC มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานหลังหักเงินลงทุน (net free cash flow) เป็นบวกในระยะ 3 ปีย้อนหลัง ณ สิ้นปีพ.ศ.2546 อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (Consolidated net debt to EBITDA ratio) ของ SCC ลดลงมาอยู่ที่ 3.5 เท่าจากระดับ 4.6 เท่า ณ สิ้นปีพ.ศ.2545 นอกจากนี้ SCC มีแนวโน้มที่จะสามารถลด Consolidated net debt to EBITDA ratio ลงมาที่ 3.0 เท่าได้ก่อนเป้าหมายที่กำหนดไว้ ณ สิ้นปีพ.ศ.2547 โดยปัจจุบัน SCC มีความตั้งใจที่จะลดอัตราส่วนดังกล่าวไปที่ 2.0 เท่า ภายในสิ้นปี พ.ศ.2548
เนื่องจากกลุ่มธุรกิจหลักบางกลุ่มของ SCC มีการเดินเครื่องจักรที่เต็มกำลังการผลิต SCC อาจมีการลงทุนเพิ่มในกลุ่มธุรกิจหลักเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงกลุ่มธุรกิจกระดาษ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างบางชนิด ณ ปัจจุบัน คาดว่าจะมีการใช้เงินลงทุนประมาณ 1.0-1.2 หมื่นล้านบาทต่อปี ระหว่างปี พ.ศ.2547 และ พ.ศ.2548 จากสถานะทางการเงินในปัจจุบันและผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต ขีดความสามารถทางการเงินของ SCC ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งส่งผลให้ SCC อยู่ในสถานะที่สามารถตอบสนองความจำเป็นที่ต้องลงทุนขยายธุรกิจ และมีความต้านทานความผันผวนของผลการดำเนินงานในอนาคตได้มากขึ้น
SCC ประกาศกำไรสุทธิ 2 หมื่นล้านบาทในปี พ.ศ.2546 เพิ่มขึ้น 37% จากปี พ.ศ.2545 เป็นผลสืบเนื่องจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี กลุ่มธุรกิจปูนซีเมนต์ และ กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นผลมาจากส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมที่สูงขึ้นและการลดลงของดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายทางการเงินของบริษัท การฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้าง แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น (ซึ่งจะเป็นปัจจัยส่งเสริมการเจริญเติบโตของกลุ่มธุรกิจปูนซีเมนต์ และ กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง) และแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่สูงขึ้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของ SCC ใน ปีพ.ศ.2547 และ ปีพ.ศ.2548
ณ สิ้นปีพ.ศ.2546 หนี้สินรวมของ SCC อยู่ที่ระดับ 117.2 พันล้านบาท ประกอบด้วยหนี้สินระยะสั้น 39% และหนี้สินระยะยาว 61% โดยตลาดหุ้นกู้ในประเทศยังคงเป็นแหล่งสำคัญในการระดมเงินทุนของ SCC จากภาวะดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบัน SCC มีแนวโน้มที่จะสามารถลดดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายทางการเงินได้จากการระดมเงินทุนใหม่เพื่อใช้คืนภาระหนี้ที่จะถึงกำหนด ปัจจุบันหนี้สินส่วนใหญ่ของ SCC เป็นหนี้สกุลเงินบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถพิจารณากู้ยืมเงินสกุลต่างประเทศในอนาคต โดยยังคงมีนโยบายที่จะใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ติดต่อ:
อรวรรณ การุณกรสกุล, CFA, กรรมการ, ภาคอุตสาหกรรม + 662 655 4766
เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, ผู้ช่วยกรรมการ, ภาคอุตสาหกรรม + 662 655 4760
วสันต์ ผลเจริญ, นักวิเคราะห์, ภาคอุตสาหกรรม + 662 655 4763
Vincent Milton, กรรมการผู้จัดการ + 662 655 4759--จบ--
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ