กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--Worklink
APCO ยืนยันกลุ่มผู้ถือหุ้นติดไซเลนท์พีเรียด ไม่ขายหุ้นทิ้งตามกระแสข่าวลือ แนะนักลงทุนอย่าตามกระแส ควรพิจารณาหุ้นจากปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่แผนการดำเนินงานปีนี้ ลุยขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้าโตอย่างน้อยอีก 20%
ศาสตราจารย์ ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO ผู้ดำเนินธุรกิจครบวงจรในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามจากธรรมชาติ ด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่าย เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้นของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และลดลงค่อนข้างมากในช่วง 2-3 วันทำการที่ผ่านมานั้น เชื่อว่าเกิดจากการเก็งกำไรของนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายในระยะสั้น ส่งผลให้ราคาเกิดการปรับตัวในลักษณะดังกล่าว
นอกจากนี้ พนักงาน ผู้บริหาร ตลอดจนกลุ่มผู้ถือหุ้นของ APCO ไม่ได้มีการขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไรตามกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้น เนื่องจากพนักงานและกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัททุกคนติดไซเลนท์พีเรียดตามจำนวนการถือหุ้น 100% เป็นระยะเวลาเวลา 6 เดือน ซึ่งหุ้นของบริษัทพึ่งเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น
“ปัจจัยพื้นฐานและการดำเนินงานของบริษัท ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยแจ้งให้ทราบไว้ การที่ราคาหุ้นมีการปรับขึ้นลงค่อนข้างแรงเชื่อว่าเกิดจากการเก็งกำไรในระยะสั้น ทั้งนี้ต้องการให้นักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจลงทุนในหุ้นของ APCO พิจารณาการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐานเป็นสำคัญ ซึ่งผู้บริหารของบริษัททุกคนมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ในการที่จะทำให้บริษัทมีการเติบโตทางธุรกิจ และไม่ต้องการแสวงหากำไรจากราคาหุ้น”ศาสตราจารย์ ดร. พิเชษฐ์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานของ APCO ปี 2555 ในเบื้องต้น จะเน้นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยในส่วนของตลาดในประเทศนอกเหนือจากช่องทางการจัดจำหน่ายในร้านโมเดิร์นเทรดแล้ว จะมีการขยายช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศอย่างทั่วถึงผ่านทางศูนย์ BIMXPERT ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 100 ศูนย์ และมีเป้าขยายให้ครบ 900 ศูนย์ภายในปีนี้
ขณะที่ตลาดต่างประเทศบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับตัวแทนจำหน่าย เพื่อวางแผนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ APCO ทั้งด้านสุขภาพและความงามในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนิเชีย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 นอกจากนี้ APCO ยังรอจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามกับพันธมิตรในประเทศญี่ปุ่น เยเมน ฟิลิปปินส์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศดูไบ
ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 380 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายในตลาดต่างประเทศ 60 ล้านบาท โมเดิร์นเทรด 15 ล้านบาท ตัวแทนเครือข่าย 280 ล้านบาท ทีวีช้อปปิ้งและอื่นๆ 25 ล้านบาท