กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
นายอนันต์ อัศวโภคิน กรรมการผู้จัดการบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลงานดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2546 ทั้งปีว่า บริษัทฯมีรายได้รวม 20,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% ทางด้านภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2546 ได้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 49% โดยมีตัวเลขบ้านจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 50,594 หลัง เปรียบเทียบกับปี 2545 มีจำนวน 34,035 หลัง แยกเป็นประเภทได้ดังต่อไปนี้
บ้านจดทะเบียนเพิ่มประเภทสร้างเอง ในปี 2546 มีจำนวน 18,598 หลัง เพิ่มขึ้น 96% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2545 ซึ่งมีจำนวน 17,693 หลัง
บ้านจดทะเบียนเพิ่มประเภทจัดสรร ในปี 2546 มีจำนวน 31,996 หลังเพิ่มขึ้น 96% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2545 ซึ่งมีจำนวน 16342 หลัง โดยในส่วนของประเภทจัดสรรนี้แบ่งออกเป็น
บ้านเดี่ยว จากที่มียอดจดทะเบียนจำนวน 8,604 หลังในปี 2545 เพิ่มขึ้นเป็น 17,911 หลังในปี 2546 เพิ่มขึ้น 108%
ทาวน์เฮ้าส์ จากที่มียอดจดทะเบียนจำนวน 5,731 หลังในปี 2545 เพิ่มขึ้นเป็น 11,272 หลังในปี 2546 เพิ่มขึ้น 97%
ในส่วนของยอดจดทะเบียนเพิ่มของอาคารชุดในปี 2546 นั้นมีจำนวน 1,908 หลัง ซึ่งยังคงมีสัดส่วนลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2545 ที่มียอดจดทะเบียน 1,971 หลังลดลง 3%
นายอนันต์ ได้กล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2547 นี้ว่า ยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่องจากปัจจัยทางด้านอุปสงค์ที่ยังมีปริมาณสูงอยู่ผู้บริโภคมีความพร้อมในการซื้อมากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าตัวเลขจดทะเบียนรวมที่อยู่อาศัยในปี 2547 จะมียอดรวมประมาณ 65,000 - 70,000 หน่วย ทางด้านราคาที่อยุ่อาศัยยังไม่ปรับขึ้นมากนัก การปรับราคาก็ปรับตามสัดส่วนของต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น มิได้เป็นการปรับราคาซึ่งเกิดจากอุปทานไม่เพียงพอแต่อย่างใด ในส่วนปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำและสภาพคล่องทางการเงินที่ยังมีอยู่สูง ก็มีส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2547 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทางด้านฐานะการเงินของบริษัทฯและบริษัทย่อยนั้นในรอบปีที่ผ่านมามีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 4,488 ล้านบาท และภายหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการลงทุนดังกล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ได้มีการคืนเงินกู้ประมาณ 700 ล้านบาท ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 4,636 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯและบริษัทย่อยลดลงจาก 0.40:1เมื่อสิ้นปี 2545 เหลือเพียง 0.29:1 เมื่อสิ้นปี 2546
นายอดิศร ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงนโยบายในการบริหารด้านการลงทุนและแหล่งเงินทุนของบริษัทฯ ในปี 2547 นี้ว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนซื้อที่ดินอีกประมาณ 4,000 - 5,000ล้านบาท และลงทุนเพิ่มในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีกประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยแหล่งเงินบางส่วนจะเป็นแหล่งเงินจากภายใน และบางส่วนจะมาจากการออกหุ้นกู้
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2546 ว่า บริษัทฯ มียอดโอนบ้านทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวมทั้งสิ้น 2,900 หน่วย ทำให้ ณ สิ้นปี 2546 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งในตลาดที่อยู่อาศัยจดทะเบียนประเภทบ้านเดี่ยวโครงการจัดสรรอยู่ประมาณ 16%
ในต้นปี 2547 บริษัทฯ มีโครงการที่เปิดดำเนินงานอยู่ 25 โครงการเป็นโครงการในกรุงเทพฯ 19 ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตขึ้นร้อยละ 20 และมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 16 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพฯทั้งหมด ในจำนวนโครงการที่เปิดใหม่นี้ แบ่งเป็นใครงการบ้านเดี่ยว 14 โครงการและคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 23,000 ล้านบาท ดังนั้นภายในปี 2547 บริษัทฯจะมีโครงการที่เปิดดำเนินการรวมทั้งสิ้น 41 โครงการซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้ประมาณ 3,800 หน่วยภายในปี 2547
"ในปี 2547 นี้บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าตลาดบ้านพร้อมเข้าอยู่ยังคงเป็นที่ตัองการของผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคที่ซื้อบ้านเป็นกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง อีกทั้งมีความต้องการบ้านเร็วขึ้น ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯ จะย้ายเข้าอยู่ในใครงการเร็วขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 2 เดือนนับจากวันที่รับโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกลุ่มผู้ซื้อดังกล่าวคือกลุ่มที่มีความต้องการอย่างแท้จริง"
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยว่าในปี 2546 ว่า บริษัทฯ มีกำไรทั้งสิ้น 6,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับปี 2545 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 3,820 ล้านบาทผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นในปี 2546 เกิดจากสาเหตุหลายประการดังต่อไปนี้
1. บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวมทั้งสิ้น 20,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 28% เมื่อเทียบกับปี 2545 และมีรายได้ ซึ่งเกิดจากการโอนบ้านทั้งสิ้น 18,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2545 คิดเป็น 24%
2. บริษัทฯ และบริษัทย่อยรับรู้ผลกำไรจากการขายเงินลงทุนเป็นเงิน 926 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 48%
3. บริษัทฯได้รับเงินปันผลจากเงินลงทุนที่บริษัทฯ ถืออยู่จำนวน 273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 242 ล้านบาท
4. บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากการเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 386 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 196 ล้านบาทหรือประมาณ 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
5. ดอกเบี้ยจ่ายในปี 2546 ลดลงกว่า 150 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยสามารถลดภาระหนี้ลงอย่างต่อเนื่องและต้นทุนการเงินที่ลดลงอันเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยลดลง
ในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นรวม 3 ครั้งเป็นเงินทั้งสิ้น 3,432.06 ล้านบาท กล่าวคือ
-ครั้งที่ 1เมื่อวันที่ 28 พฤษภคม 2546 สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนหลังของปี 2545 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 661.83 ล้านบาท
-ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2546 สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2546 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 1,350.28 ล้านบาท
-ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2546 สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2546 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,749.95 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาในปี 2547 จำนวนประมาณ 4,200 ล้านบาท อีกทั้งยังได้ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีกเกือบ 1,200 ล้านบาท
นายนพร ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงปัจจัยสำคัญในการบริหารโครงการที่เป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย คือเริ่มจากการวิเคราะห์ความต้องการที่อยู่อาศัย (Housing Demand) ในแต่ละทำเลและระดับราคา(Geographic and Segment) เพื่อนำมาวางแผนงานก่อสร้างและส่งมอบบ้านให้ลูกค้าในแต่ละเดือนในขณะเดียวกันต้องศึกษาความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาบ้านและสภาพโครงการตลอดจนงานบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด ประเด็นสุดท้าย คือ การวางแผนระบบงานให้สอดคล้องกัน ทั้งด้านการผลิต การตลาดและการเงิน โดยมีระบบการตรวจสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด--จบ--
-ชบ/สพ-