บ๊อช โชว์เทคโนโลยีเขียวเพื่อโลกอนาคต เพิ่มประสิทธิภาพ-ลดมลพิษ-ประหยัด ในงาน BOI Fair 2011 ระหว่าง 5-13 มกราคมศกนี้ @อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ข่าวยานยนต์ Tuesday January 10, 2012 10:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ม.ค.--โอเอซิส มีเดีย บ๊อชเปิดศักราชใหม่ ขนโนว์ฮาว “เทคโนโลยีสีเขียวเพื่อโลกอนาคต” ร่วมงาน BOI Fair 2011 ระหว่าง 5-13 ม.ค.นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี แสดงศักยภาพผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตอกย้ำความมุ่งมั่นการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของโลกแห่งอนาคต แสดงความล้ำหน้าระบบดีเซล ระบบ CNG และ ระบบไฮบริด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 50% ลดมลพิษ 25% และประหยัดน้ำมันได้ถึง 30% ด้านเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน โชว์เซลพลังงานแสงอาทิตย์ (solar cell) เทคโนโลยีระบบความร้อน Thermotechnology และ เทคโนโลยีระบบลิเธี่ยมอิออน สมกับลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีมูลค่ากว่าปีละ 160,000 ล้านบาท มร.ปีเตอร์ แวนดลิค กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด เปิดเผยว่า บ๊อช กรุ๊ป ได้เข้าร่วมงาน BOI Fair 2011 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-13 มกราคม 2555 นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยบ๊อชได้เข้าร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์เพื่อแสดงพลังและศักยภาพผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม อันเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จความมุ่งมั่นในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆเพิ่มประสิทธิภาพ รักษาสิ่งแวดล้อม และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของโลกแห่งอนาคต โดยมีคอนเซ็ปต์ “เทคโนโลยีสีเขียวเพื่อโลกอนาคต” ประกอบด้วยการจัดแสดงงาน 2 ส่วน คือ 1.เทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ แสดงการพัฒนาระบบดีเซลเพื่อรถยนต์นั่งบุคคล ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ถึง 50% ลดมลพิษได้ 25% และประหยัดน้ำมันได้ถึง 30% นอกจากนี้ ยังจัดแสดงเทคโนโลยีระบบ CNG และ พัฒนาการของระบบไฮบริด 2.การแสดงเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน จัดโชว์เซลพลังงานแสงอาทิตย์ (solar cell), เทคโนโลยีระบบความร้อน Thermotechnology และ เทคโนโลยีระบบลิเธี่ยมอิออน ส่วนที่ 1 เทคโนโลยีเครื่องยนต์ - นับตั้งแต่ที่ บ๊อชนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับรถยนต์นั่งบุคคลออกสู่ตลาดเมื่อปีพ.ศ.2540 ปรากฏว่าได้รับการตอบรับและมีอัตราการใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากอัตราส่วนของรถยนต์นั่งในยุโรปที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากเพียง 22% ในปีพ.ศ.2540 มาเป็นกว่า 50% ของรถยนต์ใหม่จดทะเบียนในแต่ละปีในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีดีเซลสำหรับรถยนต์นั่งได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถเพิ่มพลังในการขับขี่ ลดมลพิษ และประหยัดน้ำมันได้สูง โดยวางเป้าหมายการพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับรถยนต์นั่งของบ๊อชว่า ภายในปีพ.ศ.2558 รถยนต์นั่งโดยสาร ที่ใช้ระบบดีเซล จะใช้น้ำมันเพียง 3.6 ลิตร ต่อ 100 กม. ซึ่งหากเทียบกับรถระบบดีเซลทั่วไปในปี 2009 จะสามารถประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นถึง 30% และหากมีการพ่วงใช้กับระบบไฮบริด ก็จะยิ่งประหยัดน้ำมันได้ถึง 40% -ระบบบีบอัดแก๊สธรรมชาติ (CNG) เป็นระบบที่สามารถใช้เชื้อเพลิงสองชนิดคือ น้ำมัน, แก๊สธรรมชาติ โดยมีหน่วยควบคุมซึ่งทำงานด้วยระบบอีเล็คทรอนิค เป็นตัวควบคุมการทำงาน และใช้ระบบ Motronic ทำหน้าที่ในการฉีดอัดน้ำมัน จึงทำให้การทำงานของเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซ CO2 ซึ่งช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ให้สะอาดขึ้น -ระบบไฮบริด และระบบส่งกำลังเครื่องยนต์ด้วยกระแสไฟฟ้า แสดงนวัตกรรมและพัฒนาการของเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า มีองค์ประกอบสำคัญคือ มอเตอร์ไฟฟ้า และ ตัวแปลง กระแสไฟ (inverter) ประโยชน์คือ ลดมลพิษ และประหยัดน้ำมันได้ ซึ่งเทรนด์ของรถยนต์ในอนาคตเครื่องยนต์จะเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้ามากขึ้น โดยจะมีระบบไฮบริดเป็นตัวเชื่อม ระหว่างการเปลี่ยนแปลง และบ๊อชมองว่าเป็นโอกาสดีสำหรับเทคโนโลยีระบบไฮบริดแบบปลั๊กอิน ซึ่งเป็นระบบที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เพียงแค่เสียบปลั๊ก เหมาะสำหรับการใช้ขับรถในระยะทางใกล้ๆ หรือการเดินทางในเมือง โดยบ๊อชใช้งบประมาณกว่า 17,000 ล้านบาท (400 ล้านยูโร) ต่อปี ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีจากระบบมอเตอร์ และระบบส่งกำลังแบบอีเล็คทรอนิค ไปเป็นระบบทดแทนอื่นๆ ในขณะที่การเข้าร่วมทุนในการพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออน ยังสามารถช่วยทำให้บ๊อชมีศักยภาพมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถลดต้นทุนได้อีกด้วย ส่วนที่ 2 เทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน ประกอบด้วย -ระบบเซลพลังงานแสงอาทิตย์ (solar cell) เทคโนโลยีระบบความร้อน Thermotechnology และ เทคโนโลยีระบบลิเธี่ยมอิออน -ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ บ๊อชนำเสนอเทคโนโลยีแผ่นโซล่าเซลล์ชนิดต่างๆ ที่สามารถใช้ได้กับอุตสาหกรรม ทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เพื่อใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและลดมลพิษ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบ๊อชได้รับรางวัลคุณภาพเยี่ยม รางวัลออกแบบและ รางวัลประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากงาน “Plus X Award” หนึ่งในการประกวดสินค้านวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโลก ล่าสุดเมื่อกลางปี 2011 กลุ่มบริษัทบ๊อชได้ลงทุนกว่า 22,000 ล้านบาท (520 ล้านยูโร) ในการสร้างโรงงานผลิตสำหรับธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในราวปลายปีพ.ศ.2556 -เทคโนโลยีพลังงานความร้อน เป็นการนำเสนอเทคโนโลยีทำความร้อนสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมด้วย industrial boiler ที่มีคุณภาพสูง และประหยัดพลังงาน -เทคโนโลยีระบบลิเธี่ยมอิออน เทคโนโลยีที่นำมาใช้กับเครื่องมือไฟฟ้า สามารถประหยัดการสูญเสียพลังงาน จาก memory effect ได้ และแบตเตอรี่ยังสามารถนำกลับมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล ซึ่งเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่ง และยังนำเสนอเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ที่จะช่วยเบาแรงในการทำความสะอาดบ้าน “ในแต่ละปี บ๊อชลงทุนกว่า 7% ของยอดขายรวมบ๊อชกรุ๊ป เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี โดยล่าสุด ในปีพ.ศ.2553 บ๊อชใช้งบประมาณกว่า 160,000 ล้านบาท เพื่อการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ โดยกว่า 50% ของงบวิจัยและพัฒนาจะถูกเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีของบ๊อชถูกพัฒนาเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย พร้อมรักษาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ภายใต้ คอนเซ็ปต์ “เทคโนโลยีเพื่อชีวิต” “ มร.ปีเตอร์ แวนดลิค กล่าว ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัท โอเอซิส มีเดีย จำกัด โทร.02-937-4735 ต่อ 15, 21 คุณศรัญญรัตน์ สุวรรณคาม / คุณวิชัย วงศ์พาสุข Email : saranyarat@oasismedia.co.th , wichaiw@oasismedia.co.th ข้อมูลองค์กรเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด โทร. 02 631 1879 คุณยุพารัตน์ เหล่าธนภัทร ผู้จัดการสื่อสารองค์กร E-mail : Yuparat.Laotanapat@th.bosch.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ