กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิคช่วงเช้า
Gold — ราคาทองคำปรับค่อยๆตัวสูงขึ้นในตั้งแต่ช่วงสายเมื่อวานนี้ โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,640 เหรียญ ในช่วงหัวค่ำ ก่อนที่จะกลับลงมาปิดตัวที่ระดับ 1,631 เหรียญ และขณะนี้ราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 1,634 เหรียญ โดยที่ราคาทองคำสามารถทะลุแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาแรกที่ระดับ 1,630 เหรียญได้ ทำให้โดยภาพรวมมองว่าราคาทองคำเป็นทิศทางแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น ย้ำว่ายังเป็นแนวโน้มระยะสั้น โดยที่มีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,655 เหรียญ ซึ่งการที่ทองคำจะขึ้นไปได้ตลอดในระยะยาวจะต้องทะลุแนวต้านสำคัญสุดท้ายคือ 1,655 เหรียญขึ้นไปก่อน จึงสามารถจะสรุปได้ว่าทองคำน่าจะเป็นทิศทางขาขึ้น ฉะนั้นพอมองได้ว่าการขึ้นในครั้งนี้เป็นการขึ้นในระยะสั้น คาดว่าราคาเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ระดับ 1,650 เหรียญ และมีการแกว่งตัวค่อนข้างมาก แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,630 เหรียญ จึงแนะนำให้นักลงทุนทยอยปิดสถานะ Short Position ออกไปโดยให้ถือเป็นสถานะ Long Position หรือการทำ stop loss ออกไปในระดับดังกล่าว โดยภาพรวมโอกาสที่ราคาทองคำจะตกลงมาถึงระดับ 1,600 เหรียญน่าจะน้อยลง จึงแนะนำให้นักลงทุนปรับสถานะพอร์ทให้เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
สรุปได้ว่า ราคาทองคำน่าจะเข้าสู่ภาวะสมดุลและหยุดตกได้ โดยที่ให้รอดูความชัดเจนในวันพฤหัสบดีอีกครั้งเป็นวันสุดท้าย คงจะไม่ค่อยมีข่าวที่มีผลลบต่อราคาทองคำมากนัก
หมายเหตุ — บทวิเคราะห์ที่สมบูรณ์แนะนำให้อ่านทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ GOLD ANALYSIS, GOLD RECAP และ GOLD MARKET
คำแนะนำในการลงทุน Gold
Daily - เก็งกำไรในกรอบภาวะขาขึ้น โดยมีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,630 — 1,645 เหรียญ
Weekly - ปรับพอร์ทเป็นสภาวะสมดุล หรือถือ Long Position ประมาณ 10%
Monthly - ยังเป็นลักษณะรอจังหวะการเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณ 1,620 เหรียญ
MORNING RECAP (9.45-16.55)
ราคาทองคำเปิดตลาดช่วงเช้า ณ ระดับ 1,615 เหรียญ/ออนซ์
Gold futures Series G12 เปิด ณ ระดับ 24,600 บาท
Gold futures Series J12 เปิด ณ ระดับ 24,900 บาท
สมาคมค้าทองแท่งเปิด ณ ระดับ 24,200 บาท
ราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในช่วงระดับ 1,613 — 1,626 เหรียญ โดย เคลื่อนตัวสู่ระดับต่ำสุดในช่วงเช้า ณ ระดับ 1,613 เหรียญ ก่อนจะเคลื่อนตัวสู่ระดับสูงสุด ณ ระดับ 1,626 เหรียญ ในช่วงบ่าย และปิดตลาดภาคบ่าย ณ ระดับ 1,623 เหรียญ
NIGHT RECAP (19.30-22.30)
ราคาทองคำในเวลาซื้อขายในประเทศ เปิดตลาดช่วงค่ำ ณ ระดับ 1,630 เหรียญ Gold Futures Series G12 เปิด ณ ระดับ 24,700 บาท Gold Futures Series J12 เปิด ณ ระดับ 24,970 บาท
ราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในช่วงระดับ 1,630 -1,639 เหรียญ โดยในช่วงภาคค่ำ ราคาทองคำเคลื่อนตัวสู่ระดับสูงสุด ณ ระดับ 1,639 เหรียญ ก่อนเคลื่อนตัวสู่ระดับต่ำสุด 1,630 เหรียญ และทำการปิดตลาดภาคค่ำ ณ ระดับ 1,635 เหรียญ
สรุป ราคาทองคำเคลื่อนตัวในทิศทางบวก โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขภาคการผลิตของฝรั่งเศสออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยประกาศออกมา ณ ระดับ 1.1% จากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 0.1% รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของฝรั่งเศสที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 96 จากระดับ 95 ในเดือนพ.ย. อีกทั้งยังมีประเด็นบวกในกรณี ฟิทซ์ เรทติ้ง ทีมีแนวโน้มจะไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสลงในปีนี้ รวมถึงประเด็นความตึงเครียดของอิหร่านที่เป็นแรงหนุนราคาทองคำอย่างตื่อเนื่อง ในประเด็นการปิดช่องแคบฮอร์มุส โดยล่าสุดสหภาพยุโรปได้ร่นระยะเวลาการประชุมเรื่องการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านเร็วขึ้น 1สัปดาห์ เป็นวันที่ 23มกราคม 2555
ข่าวที่สำคัญ
นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ได้ดำเนินความพยายามขอเสียงสนับสนุนการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันอิหร่าน ในระหว่างการเดินทางเยือนจีนในสัปดาห์นี้ การเดินทางเยือนจีนของนายไกธ์เนอร์ในครั้งนี้เป็นความพยายามครั้งล่าสุดของสหรัฐที่จะสกัดรายได้จากการค้าน้ำมัน เพื่อบีบให้อิหร่านล้มแผนพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามป้องกันไม่ให้น้ำมันขึ้นราคารุนแรงจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้จีน ซึ่งซื้อน้ำมันจากอิหร่านราว 1 ใน 3 ปฏิเสธเสียงเรียกร้องจากทางการสหรัฐ ขณะที่สื่อต่างชาติคาดว่า สหรัฐน่าจะต้องผิดหวังจากการเดินทางเยือนจีนในครั้งนี้เช่นกั
หลายประเทศในยูโรโซนอาจโดนฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือปลายเดือนนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ฟิทช์ประกาศจับตาอิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัสในเชิงลบ นายเดวิด ไรลีย์ หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับประเทศของฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยว่า ฟิทช์จะพิจารณาสถานการณ์ของประเทศในกลุ่มยูโรโซนปลายเดือนม.ค.นี้ และมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการลดอันดับลง 2 ขั้นสำหรับประเทศหนี้สินท่วมท้น ฟิทช์มองว่า อิตาลีต้องแบกภาระหนี้สินมหาศาลและจะต้องอัดฉีดเงินสดสู่ตลาดเป็นจำนวนมากกว่า 3 แสนล้านยูโรในปีนี้ อีกทั้งยังขาดมาตรการป้องกันทางการเงินอีกด้วย จึงมีโอกาสสูงที่จะโดนปรับลดอันดับลงจาก A+ แม้ว่าอิตาลีมียอดขาดดุลงบประมาณอยู่ในระดับต่ำมากก็ตาม
ธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบี เปิดเผยว่า ธนาคารในประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร มีเงินฝากช่วงข้ามคืนที่อีซีบีเป็นจำนวนสูงเป็นประวัติการณ์เกือบ 4.82 แสนล้านยูโร ทำลายสถิติเดิม 4.64 แสนล้านยูโรที่ทำไว้เมื่อวันก่อน สำหรับปริมาณเงินฝากจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า ธนาคารต่างๆเลือกที่จะเก็บรักษาเงินสดไว้ในที่ปลอดภัยที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ มากกว่าที่จะปล่อยกู้ระหว่างกันในระยะสั้น และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า วิกฤตหนี้ในยูโรโซนไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลาย พร้อมกระพือความวิตกกังวลว่าอาจนำไปสู่วิกฤตสินเชื่อรอบใหม่ เนื่องจากธนาคารไม่มีความเชื่อมั่นในการปล่อยเงิน