กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--สโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจ
อินทรีเพื่อนตำรวจ จับมือ ลูกอีสาน-การบินไทย ร่วมกันสู้ศึกเอไอเอสลีกภูมิภาคในฤดูกาล 2012 มุ่งเน้นการพัฒนานักเตะเยาวชน เพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่มาทดแทนนักเตะรุ่นพี่ โดยหวังผลระยะยาวเพื่อสร้าง นักเตะช้างเผือกเป็นอนาคตให้กับทีมชาติไทยต่อไปในอนาคต โดยอินทรีเพื่อนตำรวจจะดูแลเรื่องการฝึกซ้อม นักเตะ และฝ่ายกีฬาทั้งหมด ส่วนลูกอีสาน-การบินไทย ดูแลด้านการกิจกรรมทางการตลาดทั้งหมด โดยในปี 2012 อินทรีเพื่อนตำรวจลงทุนจ้างฟิตเนสโค้ชชื่อดัง มาร่วมพัฒนาศักยภาพของนักฟุตบอลทั้ง 2 ทีม มุ่งหวังนำพานักฟุตบอลเยาวชนก้าวขึ้นสู่ความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
อินทรีเพื่อนตำรวจ เป็นสโมสรฟุตบอลที่ทำการแข่งขันอยู่ในระดับไทยพรีเมียร์ลีก มีสโลแกนว่า
“ สุภาพบุรุษโล่ห์เงิน” โดยที่ผ่านมาอินทรีเพื่อนตำรวจ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนานักเตะในระดับเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง โดยได้ร่วมมือกับ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี เปิดตัว INSEE Police United Academy เพื่อหวังให้เยาวชนได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยกีฬาฟุตบอล พร้อมสานฝันด้วยการสร้างโอกาสให้นักเตะฝีเท้าดีก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของอินทรีเพื่อนตำรวจอย่างเป็นระบบ
ลูกอีสาน-การบินไทย เป็นทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน เอไอเอส ลีกภูมิภาค ในโซนกรุงเทพและปริมณฑล ในสโลแกน “พญานาคิน” ก่อตั้งเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2552 โดย นาย อนุชา ไชยเทศ ประธานสโมสร มีความมุ่งหวังเพื่อให้กีฬาฟุตบอลเป็นศูนย์รวมของกลุ่มชาวอีสานที่มีใจรักฟุตบอลโดยเน้นการสนับสนุนเยาวชน เพื่อเป็นหลักในการสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้มีชีวิตที่ดีขึ้น สามารถใช้กีฬาฟุตบอลเพื่อการดำรงชีพได้ นอกจากนี้ทางสโมสรลูกอีสาน-การบินไทย ยังมุ่งหวังที่จะยกระดับมาตรฐานฟุตบอลไทยให้ดีขึ้นอีกด้วย
จากการที่จุดประสงค์ของทั้งสองสโมสร มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเยาวชน จึงเป็นที่มาของการ จับมือร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ สโมสรฟุตบอลอินทรีเพื่อนตำรวจ และสโมสรลูกอีสาน-การบินไทย มีความมุ่งหวังไปในทิศทางเดียวกันที่จะวางแผนพัฒนาเยาวชนในระยะยาว เพื่อเป็นกำลังเสริมให้กับทีมชาติไทยต่อไปในอนาคต โดยนักฟุตบอลเยาวชนของทั้งสองสโมสร จะได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธิ ทั้งในด้านเทคนิคการเล่น และการพัฒนาร่างกาย รวมทั้งจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งในและนอกสนาม
นาย อนุชา ไชยเทศ ประธานสโมสรลูกอีสาน-การบินไทยกล่าวถึงการลงนามเป็นพันธมิตรร่วมกันในครั้งนี้ว่า “ทั้งสองสโมสรมีนโยบายที่คล้ายกันและมีหลายๆอย่างที่สอดคล้องกัน ซึ่งแนวทางในอนาคตของทั้งสองทีม จะช่วยกันพัฒนานักเตะเยาวชนให้แข็งแกร่งสู่วงการฟุตบอลไทยในอนาคตได้ อีกทั้งอินทรีเพื่อนตำรวจ และ ลูกอีสาน-การบินไทยมีจุดแข็งกันคนละด้าน โดย ลูกอีสาน — การบินไทย มีฐานแฟนบอลที่กว้าง และอินทรีเพื่อนตำรวจ มีระบบการบริหารงานและการทำทีมที่ดีทำให้ผมมั่นใจว่าเราทั้งสองทีมจะเติมเต็มซึ่งกันและกันให้แข็งแกร่ง และก้าวต่อไปร่วมกันเพื่ออนาคตของวงการฟุตบอลไทย”
นายวสุ ชิวปรีชา ผู้จัดการทั่วไป สโมสรฟุตบอลอินทรีเพื่อนตำรวจ มีความเชื่อมั่นว่าการเข้ามาเป็นพันธมิตรกับทีมลูกอีสาน — การบินไทยในครั้งนี้ ทั้งสองทีมจะได้ผลประโยชน์ร่วมกัน “ ผมเชื่อมั่นว่าการที่เราทั้งสองทีมมาเป็นพันธมิตรกันจะส่งผลดีกับเราทั้งสองทีม โดยในส่วนของอินทรีเพื่อนตำรวจ การพัฒนาเยาวชนขึ้นจากอะคาเดมี่ของอินทรีเพื่อนตำรวจ จำเป็นต้องหาทีมเพื่อมารองรับเด็กเยาวชนเหล่านี้ เพื่อให้นักฟุตบอลเยาวชนมีทีมเล่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอดีตมีนักเตะเพียงสองสามคนที่สามารถก้าวขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ได้ การที่เราเป็นพันธมิตรกันในครั้งนี้เด็กเยาวชนที่ขึ้นมาจากอะคาเดมี่จะสามารถมีเวทีให้ฝึกฝนก่อนก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในอนาคต”
ในส่วนของผู้เล่นที่จะลงทำการแข่งขัน เอไอเอส ลีกภูมิภาค โซน กรุงเทพและปริมณฑล ในนามสโมสรลูกอีสาน-การบินไทย ประกอบด้วยผู้เล่น 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1. นักเตะชุดเดิมของสโมสรลูกอีสาน-การบินไทย
2. นักเตะเยาวชน จากสโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจ
3. นักเตะจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยผู้เล่นที่จะส่งทำการแข่งขันในฤดูกาลหน้า จะไม่มีนักเตะต่างชาติ เพราะเป้าหมายของทีมมุ่งเน้นที่จะพัฒนาเยาวชน มิได้มุ่งเน้นในชัยชนะเพียงอย่างเดียว การที่ทีมใช้นักเตะไทยร้อยเปอร์เซนต์ จะส่งผลให้ นักเตะทุกคนในทีมมีความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และมุ่งพัฒนาตนเองไปพร้อมๆกับการ
พัฒนาสโมสร
“โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล หัวหน้าผู้ฝึกสอนอินทรีเพื่อนตำรวจ จะเป็นผู้ดูแลภาพรวมในการฝึกซ้อมของทั้งสองสโมสร โดยความร่วมมือกับ “โค้ชน้อย” วุฒิยา หยองเอ็น หัวหน้าผู้ฝึกสอนลูกอีสาน-การบินไทย โดยทั้งสองทีมจะใช้สนามซ้อม และทำการฝึกซ้อมร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคและประสบการณ์ของผู้เล่นทั้งสองสโมสร เพื่อการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้นักฟุตบอลเยาวชนยังสามารถนำตัวอย่างดีๆจากนักฟุตบอลรุ่นพี่ เช่น ชาคริต บัวทอง , ปกเกล้า อนันต์ หรือ สุรชาติ สารีพิมพ์ ที่เล่นอยู่ในทีมชุดใหญ่ของอินทรีเพื่อนตำรวจ มาปรับใช้กับตนเองได้อีกด้วย
“การทำทีมของลูกอีสาน — การบินไทยจะดำรงตามนโยบายของทั้ง 2 สโมสรไว้ คือการพัฒนานักเตะเยาวชนสู่ทีมชุดใหญ่และทีมชาติไทยในอนาคต อีกทั้งนักเตะฝีเท้าดีๆในปัจจุบันนี้มีค่าตัวสูง การที่เราฝึกนักเตะเยาวชนเพื่อขึ้นมาทดแทนนักเตะชุดใหญ่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยการวางแผนพัฒนานักเตะเยาวชนจะเห็นผลอย่างชัดเจนได้ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า โดยนักเตะเยาวชนหลายๆคนที่มาเล่นให้กับลูกอีสาน — การบินไทย ก็มีดีกรีทีมชาติไทยทั้งชุดเยาวชนและชุดใหญ่ ซึ่งผมมั่นใจว่าจะทำให้ผลงานของทีมดีขึ้นอย่างแน่นอน” โค้ชน้อย วุฒิยา หยองเอ็น กล่าว
ทางด้านโค้ชวัง ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล กล่าวเสริมว่า “การนักเตะทั้งสองทีมมีโอกาสซ้อมร่วมกันจะทำให้นักเตะเยาวชนสามารถเห็นตัวอย่างที่ดีจากรุ่นพี่ รวมทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเตะเยาวชนในการฝึกฝนตัวเองอีกด้วย”
นอกเหนือไปกว่านั้นในฤดูกาล 2012 สโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจยังได้ว่าจ้างแอนดรูว์ ยัง ( Andrew Young )นักฟิตเนสโค้ชระดับโลก ซึ่งเคยร่วมงานกับสโมสรชั้นนำของโลก อาทิเช่น ฟูแล่ม และแบล็กเบิร์น โรเวอร์ ทีมดังในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ร่วมทั้งยังเป็นที่ปรึกษาระดับสูง ของทีมชาติออสเตรเลีย ในการสู้ศึกโอลิมปิก ลอนดอน 2012 การเข้ามาของ แอนดรูว์ ยัง ( Andrew Young ) ในครั้งนี้ จะเข้ามาเพื่อเสริมทีมเยาวชนให้แข็งแกร่ง โดยวางโครงสร้าง และออกแบบโปรแกรม ในการเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายให้กับนักฟุตบอลทั้งทีมชุดใหญ่และทีมเยาวชน ป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับนักเตะ และฟื้นฟูนักเตะที่มีอาการบาดเจ็บ ให้กลับมามีสภาพพร้อมที่จะลงสนามอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ ในฤดูกาล 2011 แอนดรูว์ ยัง ( Andrew Young ) ได้เดินทางเข้ามาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ด้านฟิตเนสโค้ชให้กับสโมสรฟุตบอลอินทรีเพื่อนตำรวจ โดยผลงานก่อนหน้านั้นอินทรีเพื่อนตำรวจมีผลงานไม่ค่อยดีนัก แพ้ติดต่อกันถึง 6 นัดรวด แต่หลังจากการเข้ามาดูแลด้านฟิตเนสโค้ช เพียงระยะสั้นๆของแอนดรูว์ ยัง ( Andrew Young ) อินทรีเพื่อนตำรวจก็ทำผลงานดีขึ้น โดยแพ้เพียงนัดเดียวจาก 10 นัดต่อมา
การจับมือเป็นพันธมิตรระหว่าง สโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจ กับ สโมสรลูกอีสาน-การบินไทย ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอลไทย ซึ่งไม่ได้ส่งผลประโยชน์ แต่เพียงสโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจ และ สโมสรลูกอีสาน-การบินไทย เท่านั้น แต่ถือเป็นการวางรากฐานในการพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนในระยะยาว เพื่อก้าวขึ้นมาทดแทนนักฟุตบอลรุ่นพี่ และจะกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติไทยต่อไปในอนาคต