กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.)
วันที่11 ม.ค.คณะทำงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ การทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา - ศาสนาประจำชาติของไทย ” เพื่อถวายเป็นพระราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก ผู้ทรงเป็นพระธัมมิกราชา และถวายเป็นพุทธบูชา แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ห้องจูปิเตอร์ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
โดยมี นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดการสัมมนา และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งประกอบด้วย พระปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร, นายสมพร เทพสิทธา ประธานคณะทำงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ในพระราชูปถัมภ์, นายอเนก สนามชัย ผู้อำนวยการส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพุทธศาสนา ดำเนินรายการโดย พลตรีหญิง อุษณีย์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการสัมมนากว่า 200 คน
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยมาแต่โบราณกาล เป็นที่พึ่งและที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ซึ่งเป็นสถาบันสำคัญคู่กับสถาบันชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามคำกล่าวที่ว่า“ พระมหากษัตริย์คู่ชาติ พุทธศาสน์คู่ไทย” พระพุทธศาสนาได้ช่วยสร้างเอกลักษณ์และคุณธรรมอันดีงามแก่คนไทย ทำให้ประชาชนมีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม แม้พระพุทธศาสนายังมีความเจริญมั่นคงในประเทศไทย แต่ก็มีปัญหาหลายประการที่น่าเป็นห่วง พุทธศาสนิกชนจึงไม่ควรตั้งอยู่ในความประมาท ต้องร่วมกันผนึกกำลังทำนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาซึ่งเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้ความร่มเย็นแก่เราและดำรงคู่ชาติตลอดไป ซึ่งการสัมมนาดังกล่าวสามารถสรุปสาระสำคัญของการอภิปรายได้ดังนี้
โดย พระธรรมปริยัติธรรม กล่าวว่า คนไทยเป็นผู้มีความรู้ เป็นนักวิชาการแต่กลับหาคุณค่าทางคุณธรรมในบุคคลเหล่านั้นได้ยาก คนเราต้องแยกความรู้และศีลธรรมออกจากกัน ปัจจุบันมีการศึกษาตามแบบชาติตะวันตกแต่ขาดการศึกษาพุทธศาสนา ศีลธรรม เราต้องร่วมกันปลูกฝังเรื่องคุณธรรมตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน เพื่อให้ศีลธรรมขัดเกลาให้ชาวพุทธเป็นคนดีก่อนที่จะเป็นคนเก่ง ฝากถึงรัฐบาลว่าไม่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบสังคมแต่ต้องทำให้ทุกคนมีศักยภาพสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุขด้วยศีลธรรม
ด้านนายอเนก สนามชัย ได้แสดงความเป็นห่วงพุทธศาสนาที่เคยรุ่งเรืองแต่กลับเสื่อมลงเพราะมีปัญหาหลายประการ ปัญหาการเหินห่างจากศาสนา ไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องศาสนา ไม่ได้ประพฤติตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือแม้กระทั่งปัญหาการประพฤติวิปริตผิดพลาดจากพระธรรมวินัย ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยขาดจิตสำนึกในบุญคุณของพุทธศาสนา ตกเป็นเหยื่อของวัฒนธรรมและค่านิยมจากต่างประเทศ จึงต้องการให้มีการทำนุบำรุงส่งเสริมพุทธศาสนาอย่างจริงจัง อาทิ การร่างแผนทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธสาสนา การจัดตั้งสมัชชาชาวพุทธประจำจังหวัด เพื่อเป็นการสร้างรากฐานศีลธรรมที่มั่นคงแก่ชาวพุทธทุกคน
นายสมพร เทพสิทธา ได้กล่าวถึงประเด็น การจัดตั้งศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ และให้มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนทัศนคติเลิกยกย่องบุคคลจากบรรดาศักดิ์แต่ต้องมองในด้านความมีคุณธรรม จริยธรรม ควรมีการจัดทำร่างแผนในการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน ผลักดันให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย สร้างจิตสำนึกของชาวพุทธให้มีความมั่นคงเพื่อส่งเสริมบทบาทของพุทธศาสนาในการพัฒนาคน สังคม และประเทศชาติ
ต่อมาในภาคบ่าย ได้มีการแสดงความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมสัมมนา ในประเด็น การร่างแผนทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา , การจัดตั้งสมัชชาชาวพุทธประจำจังหวัด , การทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา และการบัญญัติว่า “ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย ” โดยมี นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ เป็นวิทยากร และ พลตรีหญิง อุษณีย์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา เป็นผู้ดำเนินรายการ
ทั้งนี้ คณะทำงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะนำผลจากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา-ศาสนาประจำชาติ” ดังกล่าวมาวิเคราะห์และสังเคราะห์ ประกอบการจัดทำร่างแผนทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และโครงการจัดตั้งสมัชชาชาวพุทธในจังหวัดต่างๆ โดยจะจัดทำเป็นความเห็นและข้อเสนอแนะ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป