กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--บมจ.ศุภาลัย
บมจ.ศุภาลัย เผยตัวเลขยอดขายตามสัญญาในปี 2554 รวมบริษัทในเครือ สามารถทำได้ 17,500 ล้านบาท สำหรับปี 2555 เตรียมเปิด 19 โครงการใหม่ ลุยโครงการในต่างจังหวัด การพัฒนาเชิงพาณิชยกรรม ลงทุนต่างประเทศ และการพัฒนารูปแบบบ้านจัดสรรที่ป้องกัน น้ำท่วม เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในรอบปี 2554 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทศุภาลัย สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 17,500 ล้านบาท แยกเป็นคอนโดมิเนียม 63% บ้านจัดสรร 34% และรายได้อื่นๆ 3% เนื่องจากมียอดขายจากโครงการคอนโดฯ เพิ่มขึ้นหลังน้ำท่วม โดยปลายเดือนธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวโครงการคอนโดฯใหม่ คือ “ซิตี้ รีสอร์ท รัชดาฯ-ห้วยขวาง” ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์รวมทั้งปีใช้เพียง 160 ล้านบาท คิดเป็น 0.9% ของยอดขาย ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เพราะ “ศุภาลัย” เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากกว่าการโฆษณา
ปัจจุบันมีโครงการดำเนินการอยู่ระหว่างการพัฒนา ประมาณ 60 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองต่างจังหวัด รวมจำนวน 30,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 22,000 ล้านบาท และหนี้สินที่เป็นเงินกู้ ประมาณร้อยละ 48 เมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น โดยมีต้นทุนการเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยน้อยกว่า 4% ต่อปี
สำหรับปี 2555 นี้ บมจ.ศุภาลัย ก้าวเข้าสู่ปีที่ 23 ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการต่างๆ รวมบริษัทในกลุ่มมาแล้วกว่า 100 โครงการ หรือเป็นจำนวนประมาณ 40,000 หน่วย แยกเป็นบ้านจัดสรร 65 โครงการ จำนวนประมาณ 15,000 หน่วย และอาคารชุด 35 โครงการ จำนวนประมาณ 25,000 หน่วย
ในปี 2555 เป้าหมายยอดขายรวมบริษัทในเครือ คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท หรือ ไม่ต่ำกว่า 6,000 ยูนิต กำหนดงบประมาณการจัดซื้อที่ดิน 4,000 ล้านบาท โดยเตรียมแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 19 โครงการ แยกเป็นโครงการแนวราบในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด จำนวน 13 โครงการ ส่วนโครงการคอนโดฯ จำนวน 6 โครงการ
บริษัทฯ ได้กำหนดแผนงานใหม่ 4 เรื่องหลัก ดังนี้
1. การพัฒนาโครงการใหม่ในหัวเมืองจังหวัดต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนต่อรายได้รวม ไม่ต่ำกว่า 16% จากประมาณ 13% ในปี 2554 ได้แก่ สงขลา ภูเก็ต ขอนแก่น และเชียงใหม่ โดยในปี 2555 นี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และชลบุรี อีกทั้งกำลังสนใจการลงทุนในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี พิษณุโลก นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ระยอง เป็นต้น
2. การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเชิงพาณิชยกรรม ทั้งศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่าในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้น
3. การลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น อาทิ ประเทศในอาเซียนต่างๆ
4. การพัฒนาบ้านจัดสรรเพื่อป้องกันน้ำท่วม อาทิ ยกระดับที่ดินและตัวบ้านให้สูงขึ้น, รั้วที่ป้องกันน้ำไหลเข้าสู่โครงการ, ยกระดับปลั๊กเสียบสวิตซ์, ปั๊มน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, หม้อแปลงไฟฟ้า เป็นต้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง ตามแนวคิด Green Design เน้นความเป็นเอกลักษณ์ ความคุ้มค่า น่าอยู่ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้มาตรฐานสากล ISO 9001 : 2008 ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญเรื่องการบริการต่างๆ เพื่อสร้างความพึงพอใจต่อลูกค้า อีกทั้งตระหนักถึงการคืนกำไรสู่สังคม ตามนโยบาย “ศุภาลัย ใส่ใจ..สร้างสรรค์สังคมไทย” ด้วยการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างๆ รวมทั้งการอบรมสัมมนาให้ความรู้แก่ประชาชนซึ่งจะทำให้มีความหลากหลายและกว้างขวางมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ มีนโยบายเน้นการส่งเสริมและพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฝึกอบรมพนักงานและสนับสนุนการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ ในอนาคต
นายประทีป กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2555 น่าจะเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากมองว่าทิศทางดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ อยู่ในสภาวะที่ทรงตัว อีกทั้งไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงหรือความวุ่นวายทางการเมืองอีก แต่ทั้งนี้รัฐบาลควรประกาศมาตรการป้องกันน้ำท่วมอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการปรับค่าแรงหรือฐานเงินเดือนระดับปริญญาตรี ส่งผลให้กลุ่มคนรายได้ปานกลางกับรายได้น้อย มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แต่ปัจจัยเรื่องการส่งออกไปยังยุโรปมีแนวโน้มลดลงนั้น ผู้ส่งออกได้ปรับตัวเรื่องการส่งออกไปยังประเทศแถบเอเชียทดแทน จึงไม่มีผลกระทบมากนัก ในขณะที่บริษัทที่ผลประกอบการดีจะได้ประโยชน์จากภาษีเงินได้ นิติบุคคลที่ลดลงจาก 30% เป็น 23%