กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
กลุ่มธารารมณ์ประกาศเป้าหมายยอดขายปี 55 โต 25% มั่นใจตลาดแนวราบ รุกคืบด้วยแผนเปิด 4 โครงการใหม่ เพิ่มการลงทุนเล็งหาทำเลใหม่ ย้ำจุดยืนบริหารการเงินอย่างมั่นคง สร้างบ้านคุณภาพและบริการที่ได้มาตรฐาน พร้อมมาตรการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายวสันต์ เคียงศิริ ผู้บริหารกลุ่มบริษัทธารารมณ์ แถลงต่อสื่อมวลชนถึงผลประกอบการปี 2554 และเป้าหมายปี 2555 ว่า กลุ่มบริษัทธารารมณ์สามารถทำยอดขายปี 2554 ได้ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีมหาอุทกภัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสสุดท้าย อย่างไรก็ตาม ธารารมณ์ได้เตรียมแผนรองรับไว้หลายแนวทาง ทำให้เราสามารถเดินหน้าทำตลาดได้ตั้งแต่ต้นปี เช่น ด้านการเงินของลูกค้า ได้แก่ แผนช่วยลูกค้าผ่อนให้อยู่ฟรีปี 55 แผนช่วยลูกค้าด้านการออม แผนการผ่อนดาวน์ เพื่อให้ลูกค้ามีพอร์ตการเงินที่ดี สามารถผ่านการพิจารณาสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ด้านความมั่นใจแก่ลูกค้าเรื่องปัญหาน้ำท่วม ได้แก่ การยกระดับทางเข้าด้านหน้าให้สูงกว่าถนนสาธารณะหน้าโครงการ ประตูระบายน้ำพร้อมเครื่องสูบ และป้องกันการรั่วซึมรอบรั้วโครงการ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเราสามารถป้องกันไม่ให้น้ำท่วมโครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล ไว้ได้แม้มีภาวะน้ำท่วมบนถนนสุขาภิบาล 5 อีกทั้งทุกโครงการของธารารมณ์ที่ไม่อยู่ในพื้นที่ถูกน้ำท่วม เราก็ได้เตรียมการป้องกันตามมาตรฐานเดียวกัน
ปี 2555 กลุ่มบริษัทธารารมณ์ตั้งเป้าการเติบโตเพิ่มขึ้น 25% คิดเป็นยอดขายรวม 1,500 ล้านบาท โดยสัดส่วนตลาดแนวราบ 80 ต่อแนวสูง 20 ซึ่งธารารมณ์ยังคงมั่นใจในตลาดแนวราบ เนื่องจากในการสำรวจทุกครั้ง ผู้บริโภคมีต้องการซื้อ “บ้านเดี่ยว” เป็นอันดับที่สูงที่สุด เราจึงเดินหน้ารุกตลาดแนบราบต่อ ด้วยแผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่ม First Home และ กลุ่ม Move Up พร้อมคาดหมายจะสามารถฉลองปิดการขาย 3 โครงการที่เปิดขายอยู่ได้ในปีนี้เช่นกัน สำหรับแผนการลงทุนนั้น ธารารมณ์ตั้งงบการลงทุน 2 เท่าตัว เป็นมูลค่า 1,500 ล้านบาท ในการหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต
นายวสันต์ ย้ำในช่วงท้ายว่า ธารารมณ์มีจุดยืนในการสร้างเข้มแข็งและมั่นคงด้วยการบริหารการเงินอย่างมีวินัย การบริหารองค์กรอย่างมีระบบ พร้อมการให้ความมั่นใจและพึงพอใจแก่ลูกค้าด้วยบ้านคุณภาพ และการบริการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งความมั่นคงขององค์กรและความเชื่อมั่นที่ได้รับจากลูกค้านั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญในท่ามกลางสภาวะการแข่งขันสูงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน