กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--ก.ล.ต.
นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ก.ล.ต. สั่งพักการปฏิบัติงานของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน3 ราย เนื่องจากมีส่วนสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องกับกรณีการสร้างราคาหุ้นของบริษัทโฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (“FOCUS”) และหุ้นของบริษัทอินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) (“IFEC”) รวมทั้งพบการปฏิบัติงานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานตามที่ประกาศกำหนด โดยการสั่งพักมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2554
ก.ล.ต. สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของ (1) นายขจรชัย งามวรโรจน์สกุล ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากให้ความช่วยเหลือในการสร้างราคาหุ้น FOCUS โดยมีบทบาทในการจัดหาบัญชี ส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นและจัดการเรื่องเงินซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการเปรียบเทียบได้เปรียบเทียบปรับนายขจรชัยในฐานะเป็นผู้สนับสนุนการสร้างราคาหลักทรัพย์แล้ว (2) นางกรองทอง ชลศรานนท์ ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นเวลา 6 เดือน ในฐานะที่แนะนำให้บุคคลอื่นไปขอใช้บัญชีลูกค้าเพื่อซื้อขายหุ้น FOCUS และหุ้น IFEC รวมทั้งจัดการเรื่องการเงินให้บุคคลที่มาใช้บัญชี แต่เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์ต้นสังกัดได้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนไปแล้ว 3 เดือน ก.ล.ต. จึงสั่งพัก
ตามระยะเวลาที่เหลือคือ 3 เดือน และ (3) นายวิกรณ์ ไทยเจริญ ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด เป็นเวลา 3 เดือน เนื่องจากใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าซื้อขายหุ้น FOCUSให้แก่ตนเอง ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ ก.ล.ต. กำหนด
ทั้งนี้ กรณีการสร้างราคาหุ้นของ FOCUS และ IFEC ที่กล่าวข้างต้นเกิดขึ้นในช่วงปี 2551 ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษผู้กระทำผิดและผู้สนับสนุนการกระทำผิด และคณะกรรมการเปรียบเทียบได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับผู้สนับสนุนการกระทำผิดแล้ว รายละเอียดปรากฏตามข่าว ก.ล.ต. ที่ 79/2553 และ 91/2553
“ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การสร้างราคาหลักทรัพย์เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีต่อตลาดหลักทรัพย์ฯการปฏิบัติงานเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนซึ่งมีบทบาทในการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์เข้าสู่ระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือให้ความร่วมมือกับการกระทำผิดเหล่านี้ ซึ่งหาก ก.ล.ต.
ตรวจพบจะต้องถูกลงโทษอย่างเคร่งครัดทุกกรณี” นายวสันต์กล่าว