กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิคช่วงเช้า
Gold — ราคาทองคำสามารถทรงตัวอยู่ได้เหนือระดับ 1,635 เหรียญ ในตลอดวันทำการเมื่อวานนี้ โดยเคลื่อนตัวในกรอบ 1,638-1,645 เหรียญ และราคาทองคำมาดีดตัวกลับขึ้นมาในช่วงปลายตลาดอิเลคทรอนิกส์ โดยที่ราคาทองคำขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 1,653 เหรียญ ภาพรวมทางเทคนิคทองคำเริ่มขึ้นมาทดสอบแนวต้านอีกครั้งหนึ่งที่ระดับ 1,660 เหรียญ ซึ่งถ้าทะลุระดับ 1,665 เหรียญขึ้นไปได้มากกว่า 1 วัน ทองคำจะเริ่มเข้าสู่ภาวะขาขึ้น แนวโน้มระยะสั้นทิศทางเป็นขาขึ้นและมีโอกาสที่จะทะลุแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ โดยเป้าหมายแรก อยู่ที่ระดับ 1,665 เหรียญ และถ้าทะลุขึ้นไปจะเห็นระดับ 1,700 เหรียญได้
สรุปได้ว่า เรามองทองเป็นทิศทางขาขึ้นและน่าจะสามารถขึ้นชนทดสอบแนวต้านสำคัญได้ในเร็วๆนี้
หมายเหตุ — บทวิเคราะห์ที่สมบูรณ์แนะนำให้อ่านทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ GOLD ANALYSIS, GOLD RECAP และ GOLD MARKET
คำแนะนำในการลงทุน Gold
Daily - เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ1,643-1,660 เหรียญ โดยให้เข้าช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตั
Weekly - ยังคงเพิ่มสถานะ Long Position เป็น 50 % ตามสภาวะการแกว่งตัวของตลาด
Monthly - เพิ่มพอร์ตมาเป็น 20 % เข้าช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
MORNING RECAP (9.45-16.55)
ราคาทองคำในเวลาซื้อขายภายในประเทศ เปิดตลาดช่วงเช้า ณ ระดับ 1,638 เหรียญ/ออนซ์ Gold futures Series G12 เปิด ณ ระดับ 24,960 บาท Gold futures Series J12 เปิด ณ ระดับ 25,260 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิด ณ ระดับ 24,700 บาท
ราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในช่วงระดับ 1,635 — 1,646 เหรียญ โดย เคลื่อนตัวสู่ระดับต่ำสุดในช่วงเช้า ณ ระดับ 1,635 เหรียญ ก่อนจะเคลื่อนตัวสู่ระดับสูงสุด ณ ระดับ 1,646 เหรียญ ในช่วงบ่าย และปิดตลาดภาคบ่าย ณ ระดับ 1,641 เหรียญ
NIGHT RECAP (19.30-22.30)
ราคาทองคำในเวลาซื้อขายภายในประเทศ เปิดตลาดช่วงค่ำ ณ ระดับ 1,644 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures Series G12 เปิด ณ ระดับ 25,040 บาท Gold Futures Series J12 เปิด ณ ระดับ 25,320 บาท
ราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในช่วงระดับ 1,640 -1,645 เหรียญ โดยในช่วงภาคค่ำ ราคาทองคำเคลื่อนตัวสู่ระดับสูงสุด ณ ระดับ 1,645 เหรียญ ก่อนเคลื่อนตัวสู่ระดับต่ำสุด 1,640 เหรียญ และทำการปิดตลาดภาคค่ำ ณ ระดับ 1,641 เหรียญ
สรุป ราคาทองคำในชั่วโมงซื้อขายภายในประเทศเคลื่อนตัวในทิศทางบวก โดยราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เหรียญ โดยได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดในเรื่องการปิดช่องแคบฮอร์มุสของอิหร่านอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด พลจัตวา มาสซูด จาซาเยรี รองประธานคณะเสนาธิการ่วมของกองทัพอิหร่านออกมากล่าวว่า สหรัฐฯไม่สามารถขัดขวางความพยายามของอิหร่านในการปิดช่องแคบฮอร์มุซได้ หากรัฐบาลอิหร่านพิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็น อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการที่ ธนาคารกลางยุโรปพยายามบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ในยุโรป โดยล่าสุด ธนาคารกลางยุโรปได้ประกาศซื้อพันธบัตรยูโรโซนมูลค่า 3.8 พันล้านยูโร
ข่าวที่สำคัญ
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA"เหตุผลที่ S&P ตัดสินใจปรับลดความน่าเชื่อถือของกองทุน EFSF นั้น มาจากการที่กองทุน EFSF ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกยูโรโซนอย่างเต็มที่ตามพันธกรณี
มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสที่ระดับ AAA และยังคงแนวโน้มความน่าเชื่อถือไว้ที่ "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากมองว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของฝรั่งเศสยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม มูดีส์ระบุว่า แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจทำให้แผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการคลังของรัฐบาลฝรั่งเศสมีความเสี่ยง
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศซื้อพันธบัตรของรัฐบาลยูโรโซน มูลค่า 3.8 พันล้านยูโร (4.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งบ่งชี้ว่าอีซีบีกำลังใช้เครื่องมือที่จะช่วยพยุงรัฐบาลของประเทศยูโรโซนที่ประสบปัญหาหนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมฐานเงินทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ในยุโรป และบรรเทาความวิตกกังลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะของยูโรโซน
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2555 ลง 10,000 บาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ระดับ 1.06 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดว่าความต้องการน้ำมันของประเทศยุโรปที่เป็นสมาชิกขององค์การความร่วมมือและการพัฒนาทาง