กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--4D Communications
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยผลสำรวจภาพรวมตลาดอาคารสำนักงานในปีที่ผ่านมาพบมีอุปสงค์รวม 87% แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากหลายปัจจัย ในขณะที่มีอุปทานใหม่สู่ตลาดแค่ 1 โครงการ รวม27,000 ตารางเมตร เฉลี่ยราคาเช่าปรับตัวสูงขึ้น 4% หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17 บาทต่อตารางเมตร คาดปี 55 มีอุปสงค์ใหม่สู่ตลาดกว่า 500,000 ตารางเมตร มั่นใจตลาดสามารถดูดซับได้
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการสำรวจตลาดอาคารสำนักงานในปีที่ผ่านมา พบอุปทานใหม่เพียง 1 อาคาร คือ โครงการพาร์ค เวนเจอร์ อีโคเพล็กซ์ จำนวน 27,000 ตารางเมตร ส่งผลให้มีพื้นที่อาคารสำนักงานสะสมในปัจจุบันจำนวน 7.641 ล้านตารางเมตร ลดลงจากปีที่ 2553 ประมาณ 1% โดยอัตราการเช่าพื้นที่ ปี 2554 มีอุปสงค์เพิ่มขึ้น 0.5% มาอยู่ที่ 87% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวจากภัยธรรมชาติ สำหรับราคาค่าเช่าเฉลี่ยปี 2554 ปรับราคาเพิ่มขึ้น 4% หรือ เพิ่มขึ้น 17 บาทต่อตารางเมตร จากปี 2553 มาอยู่ที่ 498 บาทต่อตารางเมตร เมื่อพิจารณาเป็นรายพื้นที่ พบว่า พื้นที่ธนบุรี นนทบุรี เพลินจิต-ชิดลม รัชดาภิเษก พญาไท และสุขุมวิท เพิ่มขึ้น 35%, 5%, 4%, 4%, 1% และ 0.3% ตามลำดับ ส่วนพื้นที่อื่นๆ ปรับราคาลดลงเพียง 0.3-3% โดยพื้นที่สำนักงานเกรดเอ ปรับราคาเพิ่มขึ้น 3% มาอยู่ที่ 640 บาทต่อตารางเมตร และเกรดบี ลดลง 4% มาอยู่ที่ 467 บาทต่อตารางเมตร
“จากสถานการณ์ปัจจุบันภาพรวมตลาดอาคารสำนักงานในปี 2554 นับว่ายังทรงตัวต่อเนื่องจากปี 2553 แม้ต้อง เผชิญปัญหาอุทกภัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีอย่างไรก็ตามยังพบว่าอุปทานใหม่มีการเติบโตได้เป็นระยะและพอจะเห็นอุปสงค์ดูดซับได้ดีพอสมควร คาดการณ์ว่าในอนาคตตลาดอาคารสำนักงานมีแนวโน้มขยายตัวอีกราว 7% หากโครงการก่อสร้างพื้นที่ประมาณ 500,000 ตารางเมตรแล้วเสร็จ ในจำนวนนี้มีอาคาร KPI, อาคารอีควิน็อกซ์ เป็นต้น ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2555 ซึ่งคาดว่าอุปสงค์จะยังมีการดูดซับได้แม้จะไม่สูงมากนัก เพราะภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังน้ำลด และการขยายกำลังการผลิตอาจจะยังไม่เติบโตมากนักใน 1-2 ปีนี้” นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กล่าว
เมื่อมองถึงปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดอาคารสำนักงานในปี 2555 นั้น นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กล่าวแสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า “การขยายตัวของตลาดยังคงค่อยเป็นค่อยไปส่วนใหญ่น่าจะเป็นการขยายพื้นที่ของสำนักงานเดิมหรือว่าย้ายไปเพื่อให้เดินทางสะดวกมากขึ้น โดยส่วนใหญ่คนมองหาทำเลที่เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า หรือสามารถเข้าถึงได้ง่าย ประหยัดพลังงาน ตึกในส่วนที่เป็นพื้นที่เก่าก็คงจะเป็นการ ปรับปรุงหรือปรับราคาเช่าเพื่อให้ดึงดูดผู้เช่าใหม่มากขึ้น แต่หากมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคพื้นอาเซียน
ประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในการมาเปิดธุรกิจของบริษัทข้ามชาติ ส่วนธุรกิจที่จำเป็นต้องหาออฟฟิศสำรอง น่าจะเป็นส่วนของโรงงานและคลังสินค้าที่ได้รับผลกระทบ ในช่วงที่ผ่านมาก็มีบ้างที่มีการย้ายสำนักงานชั่วคราวเพื่อให้สามารถทำงานและติดต่องานกับต่างประเทศได้ สำหรับในปีนี้จะมีการเตรียมการรองรับไว้หรือไม่ คงจะต้องขึ้นกับว่าจะมีปัญหาน้ำท่วมรุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมาหรือไม่ ส่วนของโรงงานที่มีฐานการผลิตหลายที่ก็มีการย้ายฐานมาสำรองเพิ่มในโซนที่คิดว่าปลอดภัยเช่น ย้ายมาที่แหลมฉบัง ระยอง ศรีราชา การจัดเตรียมพื้นที่ออฟฟิศสำรองของภาครัฐและเอกชน คิดว่าอาจจะเป็นแนวโน้มที่เป็นข่าวออกมาในช่วงที่มีน้ำท่วม แต่ในการทำงานจริงๆ คงต้องมีอีกหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องคิดว่าหากมีการจัดการจริงคงจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าต้องมีเรื่องของการทำสัญญาเช่าซึ่งระยะเวลาของสัญญาจะกำหนดกันอย่างไรการจะคิดแผนงานรองรับจำนวนคนและการเตรียมการอาจจะต้องใช้เวลาและงบประมาณ ทั้งเรื่องของพื้นที่และระบบสาธารณูปโภคที่ต้องมีรองรับ อาจจะทำให้ตลาดคึกคัก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าตลาดในส่วนไหนที่จะได้รับอานิสงส์จากการเตรียมออฟฟิศสำรอง ในความเห็นมองว่าอาจจะเป็นออฟฟิศสำนักงานขนาดใหญ่ในเมือง ที่มีราคาไม่สูงมาก น่าจะเป็นระดับ B และ C มากกว่า แต่ว่าอาคารเหล่านี้ก็ต้องยอมรับสัญญาระยะสั้นได้และมีการรองรับในเรื่องการจัดการที่ดีด้วย” นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กล่าวสรุป