ธนาคารกรุงเทพรายงานผลประกอบการปี 2554 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 27,337 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 23, 2012 14:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--ธนาคารกรุงเทพ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 สินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 เงินรับฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 ธนาคารกรุงเทพรายงานผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยสำหรับปี 2554 มีกำไรสุทธิ 27,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,744 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.2 จากปี 2553 และมีกำไรก่อนหักสำรองและภาษีเงินได้ 46,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,295 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.2 นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานของธนาคารในปีที่ผ่านมา เป็นที่น่าพอใจ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงของปัญหาการเงินในทวีปยุโรป และสภาพการแข่งขันสูงในตลาด ตลอดจนผลกระทบของสถานการณ์อุทกภัยรุนแรงในช่วงครึ่งปีหลังต่อเศรษฐกิจของประเทศ” “เงินให้สินเชื่อของธนาคารยังคงเติบโตดีโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 จากปีก่อน หรือ เพิ่มขึ้น 214,275 ล้านบาท ทำให้เงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 มีจำนวน 1,470,398 ล้านบาท โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ และเงินทุนเพื่อขยายกิจการ สินเชื่อของธนาคารในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 69,485 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2554 เนื่องจากความต้องการสินเชื่อหมุนเวียนตามฤดูกาลยังคงเพิ่มขึ้นในหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจบริการ และการอุตสาหกรรม และส่วนหนึ่งเป็นความต้องการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการจากเหตุอุทกภัย” แม้ว่าเงินให้สินเชื่อเติบโตสูงในปี 2554 ธนาคารยังสามารถควบคุมคุณภาพเงินให้สินเชื่อให้อยู่ในระดับดี สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 อยู่ที่ 42,574 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.7 ของสินเชื่อรวม เทียบกับ 45,588 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.0 ณ สิ้นปี 2553 ธนาคารกรุงเทพมีการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตมาโดยตลอด ผ่านการตั้งสำรองอย่างสม่ำเสมอ การบริหารสภาพคล่องอย่างรอบคอบ และการรักษาระดับเงินกองทุนอย่างพอเพียง ธนาคารตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในปี 2554 จำนวน 12,027 ล้านบาท โดยเป็นการตั้งสำรองในไตรมาส 4 จำนวน 7,046 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการบริหารฐานะการเงินด้วยหลักความรอบคอบและระมัดระวังของธนาคาร ส่งผลให้ ณ 31 ธันวาคม 2554 ธนาคารมีเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งสิ้น 84,738 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพที่ร้อยละ 199.0 เทียบกับร้อยละ 158.9 ณ สิ้นปี 2553 ด้านการบริหารสภาพคล่อง ธนาคารมียอดเงินรับฝาก ณ ธันวาคม 2554 จำนวน 1,587,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 193,446 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.9 จากสิ้นปี 2553 เป็นผลจากความสำเร็จของการระดมเงินฝากผ่านการเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ตรงกับความต้องการของผู้ฝากเงิน รวมถึงการมีสาขาครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ ส่งผลให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝาก ณ สิ้นปี 2554 อยู่ที่ร้อยละ 92.6 เทียบกับร้อยละ 90.1 ณ สิ้นปี 2553 ในด้านเงินกองทุน หากนับรวมกำไรสุทธิของงวด 6 เดือนหลังปี 2554 เข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะอยู่ในระดับสูงที่ประมาณร้อยละ 13.2 สูงกว่าระดับที่กฎหมายกำหนดที่ร้อยละ 4.25 โดยมีฐานะเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงรวมอยู่ที่ร้อยละ 16.3 และมีส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 จำนวน 243,815 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.6 ของสินทรัพย์รวม ในปี 2554 ธนาคารมีรายได้รวมจากการดำเนินงานสำหรับปี 2554 จำนวน 82,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,357 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.4 จากปี 2553 ส่วนใหญ่จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 7,078 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.5 สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารในปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.76 จากร้อยละ 2.64 ในปี 2553 ตามอัตราดอกเบี้ยและปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 844 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นที่ค่าธรรมเนียมจากบริการบัตรเครดิต บริการด้านค้ำประกันและอาวัล บริการอิเล็กทรอนิกส์ และบริการชำระเงิน แต่มีกำไรสุทธิจากเงินลงทุนลดลง 2,256 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2553 ธนาคารมีกำไรจากการขายหุ้นธนาคารสินเอเซีย ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานสำหรับปี 2554 จำนวน 36,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,062 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.7 จากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ปี 2554 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น 637 ล้านบาทหรือร้อยละ 14.2 จากไตรมาส 3 เนื่องจากธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือและปรับผลประโยชน์ต่างๆ สำหรับพนักงาน เช่น จ่ายเงินช่วยเหลืออุทกภัยเป็นกรณีพิเศษแก่พนักงาน และปรับเพิ่มเงินเดือนพิเศษให้แก่พนักงานตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาด สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในไตรมาส 4 ที่เพิ่มขึ้น 1,410 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนนั้น ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานปี 2554 อยู่ที่ร้อยละ 43.8 ใกล้เคียงกับร้อยละ 42.2 ในปี 2553 “เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างมากในไตรมาส 4 ของปี 2554 จากสถานการณ์อุทกภัยที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจไทยในปี 2555 มีศักยภาพที่จะขยายตัวได้ในอัตราที่ดี โดยความต้องการสินเชื่อในช่วงครึ่งแรกของปีส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ กิจการและการดำรงชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้กลับสู่สภาวะปรกติ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปัญหาการเงินของทวีปยุโรป อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดความผันผวนต่อเศรษฐกิจของโลกโดยรวมและเศรษฐกิจของไทย ซึ่งธนาคารจะดำเนินธุรกิจและบริหารความเสี่ยงด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง” นายชาติศิริกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ