กรุงเทพ--24 ม.ค.--นานมี
บทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากมายหลายบทเพลง เป็นที่คุ้นหูของเยาวชนไทยเป็นอย่างดี แต่นอกจากจะฟังเพลงที่ทรงคุณค่าและไพเราะจับใจแล้ว วันนี้มีเพื่อนๆจิตรกรตัวน้อยจากทั่วประเทศได้ถ่ายทอดความรู้สึกจากบทเพลงสู่งานศิลปะ ในการประกวดวาดภาพระบายสี “ฮอร์ส อะวอร์ด”ครั้งที่ 6 ในหัวข้อ “ภาพจากเพลงของพ่อ” ซึ่งบริษัท นานมี จำกัด จัดขึ้นเพื่อเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวโรกาสปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา และเทิดพระเกียรติในฐานะองค์อัครศิลปิน ดังเห็นได้จากพระอัจฉริยภาพทางดนตรีและศิลปะที่ทรงสนพระราชหฤทัยและทรงมีบทเพลงพระราชนิพนธ์เป็นจำนวนมากในพิธีมอบรางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมี คุณลุงแอ๊ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีเป็นประธาน มีน้องๆที่ชนะการประกวดมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง บางคนมาไกลจากต่างจังหวัดทั้งภาคเหนือ กลาง อีสานตะวันออก และภาคใต้ นางปรีญาณี สุพุทธิพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดโครงการประกวดวาดภาพเยาวชน “ฮอร์ส อะวอร์ด” เป็นประจำทุกปี ในปีนี้เป็นครั้งที่ 6 มีหัวข้อว่า “ภาพจากเพลงของพ่อ” เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวโรกาสปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา และเทิดพระเกียรติในฐานะองค์อัครศิลปิน ดังเห็นได้จากพระอัจฉริยภาพทางดนตรีและศิลปะที่ทรงสนพระราชหฤทัยและทรงมีบทเพลงพระราชนิพนธ์เป็นจำนวนมาก สำหรับปีนี้มีผลงานร่วมประกวดกว่า 3 พันชิ้น ซึ่งผู้เข้าร่วมประกวดได้สื่อสารความรู้สึกและจินตนาการจากบทเพลงพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่าออกมาเป็นงานศิลป์ จาก 9 บทเพลงพระราชนิพนธ์ 1. เพลงแสงเทียน 2. เพลงใกล้รุ่ง 3. เพลงยิ้มสู้ 4. เพลงแผ่นดินของเรา 5. เพลงเกาะในฝัน 6. เพลงเมนูไข่ 7. เพลงความฝันอันสูงสุด 8. เพลง H.M.Blues และ 9. เพลง Still on My Mindองคมนตรีได้ชื่นชมผลงานของน้องๆ ว่าสามารถสื่อสาร “ภาพจากเพลงของพ่อ” ได้น่าประทับใจ ด้วยว่าเพลงพระราชนิพนธ์เป็นเพลงของคนไทยทุกคน เมื่อรับฟังแล้วจะได้สัมผัสกับพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีและศิลปะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นทั้งนักคิด นักปฏิบัติ นักพัฒนา และยังทรงเป็นองค์อัครศิลปินด้วย “ภาพจากเพลงของพ่อ” ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยและเยาวชนไทยได้น้อมนำเอาแนวคิด คำสอน และพระราชจริยวัตรต่างๆ มาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ประพฤติปฏิบัติตนสร้างความดีงาม ความเจริญงอกงามให้กับสังคมและประเทศชาติต่อไปเรามาทำความรู้จักกับ 3 เยาวชนคนเก่งที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ด.ช.โชคบุญญา โอวะกุลวงศ์หรือ น้องชินชิน อายุ 5 ปี จากโรงเรียนบ้านศิลปะเด็กครูเป๊าะ ประกวดในรุ่นอนุบาลบอกว่า “ผมใช้เวลาวาดไม่นาน ใช้สีเทียนกับสีน้ำ แม่เปิดเพลงให้ผมฟัง เพราะมากครับ เพลงใกล้รุ่งทำให้ผมนึกถึง ตอนเช้ามีไก่ขันปลุกให้ผมตื่น แต่งตัวและไปโรงเรียน การตื่นเช้าทำให้เราสดชื่นและมีความสุข แม่ผมบอกว่าผมต้องเป็นเด็กดี โตขึ้นมาเป็นคนดี เหมือนอย่างที่ในหลวงท่านทำ ผมวาดต้นไม้สีเขียว เหมือนกับเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ให้ร่มเงาทำให้อากาศบริสุทธิ์ครับ ผมอยากให่คนไทยทุกคนตื่นมาตอนเช้าและลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆเพื่อตนเองและคนรอบข้างครับ”ส่วนในรุ่นประถมศึกษาตอนปลาย ผู้ที่ได้รับ รางวัลยอดเยี่ยมคือน้องมิน ด.ช.กนกทัศน์ ขำทวี อายุ 10 ขวบ จากโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ยซึ่งภาพของน้องมินเล่าว่า “ภาพนี้ตั้งชื่อว่า บทเพลงแห่งความหวัง ใช้เทคนิคสีโปสเตอร์ แม้จะลงสียากแต่ก็ทำให้ภาพมีสีสันสดใสได้อารมณ์ความรู้สึกที่ชัดเจนกว่าการใช้สีเทียนหรือสีไม้ หลังจากที่ได้ฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ แสงเทียน แล้ว ก็เกิดความรู้สึกถึงความหวัง และต้องการบอกว่าเกิดเป็นคน มีเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทุกคน แต่ตอนมีชีวิตอยู่ต้องหมั่นทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นคนดีของสังคม จึงวาดออกมาเป็นวงจรชีวิตที่ทุกคนต้องพบเจอ เล่าเรื่องราวว่าควรหมั่นทำบุญแบ่งปันให้คนอื่นเพื่อที่คุณพระคุ้มครอง และบทเพลงพระราชนิพนธ์ก็สอนให้เรานึกเสมอว่าเราเกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย มีในหลวงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นศูนย์รวมความรักความจงรักภักดี เป็นแบบอย่างของความดีงาม เราต้องปฏิบัติตนเป็นคนดี ยึดถือคำสอนของในหลวงในการดำเนินชีวิต เราทุกคนตอบแทนพระคุณท่านได้ด้วยการ คิดดี พูดดี ทำดีครับ”ส่วนรุ่นใหญ่อย่างระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รางวัลยอดเยี่ยมคือภาพของน้องทวน ด.ญ.ปัญญวัฒน์ มหันตปัญญ์ อายุ 14 ปี จากโรงเรียนวัดราชโอรส ซึ่งเคยส่งผลงานมาประกวดถึง 4 ครั้ง และคว้ารางวัลจากการประกวดได้ถึง 3 ครั้ง น้องทวนเล่าว่า“เมื่อฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ใกล้รุ่ง ผมจึงวาดภาพเพื่อสื่อสารเอาสิ่งที่มาจากเพลง ทั้งไก่และท้องฟ้าที่มีแสงแดดในยามเช้า รวมทั้งดอกไม้ต้นไม้นานาพันธุ์ ถ่ายทอดความสุขสุดชื่นสบายใจ เพลิดเพลินด้วยความรื่นรมย์ และผมยังเอาประสบการณ์จริงในชีวิตของผม ผนวกเข้ากับบทเพลงด้วย นั่นคือเมื่อไม่นานมานี้บ้านย่าของผมที่จังหวัดอยุธยาถูกน้ำท่วม และพ่อกับแม่พาผมไปรับย่าของผมมาอยู่ที่บ้านด้วย ย่าพายเรือออกมาจากพื้นที่น้ำท่วมพร้อมกับข้าวของจำนวนหนึ่ง ในมือย่าเป็นรูปของในหลวงอยู่ไม่ห่างตัวเลย ย่าไม่ได้บ่นอะไร นอกจากมีรอยยิ้มบนใบหน้าที่เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร แม้จะมีปัญหาอะไรเมื่อเรานึกถึงในหลวงท่าน เราก็เหมือนมีความหวัง มีพลังใจ มีกำลังใจในการเผชิญกับปัญหาและหาทางแก้อย่างมีสติ ผมจึงอยากสื่อสารว่าบทเพลงพระราชนิพนธ์ของท่านเป็นเหมือนกำลังใจให้กับผู้ฟัง ในทุกๆเช้าคือ สัญญาณแห่งความหวัง ผมใช้สีโปสเตอร์ในภาพรวมใช้สีในโทนร้อนเพื่อแสดงถึงตอนเช้า โดยมีสีโทนเย็นอย่างสีฟ้ามาเบรกเพื่อไม่ให้รู้สึกร้อนจนเกินไป จุดเด่นของภาพคือแสงที่สาดส่องเปรียบเสมือนในหลวงที่ทรงเป็นแสงนำทางความคิดและความหวัง มีรัศมีสาดส่องมายังประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะคนที่มีความทุกข์ให้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง และพร้อมจะทำความดีถวายให้แก่ท่าน”น้องๆสนใจสามารถร่วมชื่นชมผลงานของเพื่อนๆได้ในนิทรรศการ “ภาพจากเพลงของพ่อ” ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ที่นานมีแกลลอรี่ ชั้น 3 อาคารนานมี สาทร ตั้งแต่วันนี้ — 31 มกราคม 2555 สอบถามเพิ่มเติมที่ 02-648-8000
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net