ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บมจ. ไทยออยล์ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 26, 2012 17:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ม.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ที่ระดับ ‘AA-(tha)’ (AA ลบ (tha)) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1+(tha)’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทที่ระดับ ‘AA-(tha)’ (AA ลบ (tha)) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ การคงอันดับเครดิตบริษัทฯสะท้อนถึงการที่ฟิทช์มองว่า บริษัทฯสามารถที่จะรักษาฐานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่สองคล้องกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบันของบริษัทฯได้ แม้ว่าบริษัทฯจะมีแผนการลงทุนเพิ่มขึ้นก็ตาม ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Adjusted Net Debt to EBITDAR) ที่ระดับประมาณ 1 เท่า ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป โดยฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเป็นแหล่งเงินทุนหลักสำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนมีแนวโน้มที่จะลดความสามารถในการรักษาอันดับเครดิต ณ ปัจจุบัน เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้น อันดับเครดิตของบริษัทฯ สะท้อนถึงการที่บริษัทฯดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมันที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ และมีกระบวนการกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปชนิดที่มีมูลค่าสูงได้ในสัดส่วนที่สูงโดยมีต้นทุนการผลิตต่ำ การพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตอย่างต่อเนื่องและการเพิ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงช่วยทำให้บริษัทฯสามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยบริษัทฯสามารถรักษาความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงความสำคัญทางกลยุทธ์ของบริษัทฯที่มีต่อ บมจ. ปตท. หรือ ปตท. และลักษณะการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่างกันในฐานะโรงกลั่นน้ำมันหลักของกลุ่ม ปตท. (ปัจจุบันฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของปตท.ที่ระดับ AAA(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ความเชื่อมโยงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเครดิตของบริษัทฯโดยลำพัง (Standalone Credit Profile) อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่ได้เพิ่มอันดับเครดิตจากอันดับเครดิตของบริษัทฯโดยลำพังจากการที่ ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่โดยถือหุ้นอยู่ร้อยละ 49.1 และความเชื่อมโยงในระดับปานกลางของทั้งสองบริษัท นอกจากนี้การที่บริษัทฯมีสายการผลิตต่อเนื่องไปยังการผลิตอะโรเมติกส์ น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและผลิตภัณฑ์โซลเว้นท์ยังเป็นการเพิ่มระดับการผลิตแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์น้ำมันและลดความผันผวนของส่วนต่างของรายได้กับต้นทุน ในขณะเดียวกันการเข้าไปดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดความผันผวนของการสร้างกระแสเงินสดจากธุรกิจการกลั่นน้ำมัน แม้ว่าปัจจุบันกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะมีสัดส่วนที่ยังน้อยอยู่ก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทฯ ยังพิจารณารวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการที่บริษัทฯต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ค่าการกลั่น ตลอดจนวัฏจักรของธุรกิจปิโตรเคมี นอกจากนี้บริษัทฯยังมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวและพึ่งพาตลาดภายในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตามการที่บริษัทฯมีการขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมส่วนใหญ่ให้กับปตท. (ร้อยละ 42 ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554) ได้ถูกบรรเทาลงจากการที่ปตท.มีอันดับเครดิตที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรายใหญ่ในการจัดจำหน่ายน้ำมันสำเร็จ รูปในประเทศไทย นอกจากนี้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความเสี่ยงจากการที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาแหล่งน้ำมันดิบจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง ฟิทช์กล่าวว่า ค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของการลงทุนที่ใช้เงินกู้เป็นแหล่งเงินทุนซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าที่สูงกว่า 1.25 เท่า อย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตได้ ในขณะที่การปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในสองถึงสามปีข้างหน้ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากข้อจำกัดของอันดับเครดิตซึ่งได้แก่ขนาดการผลิตและการที่บริษัทฯมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยที่บริษัทฯจะมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ติดต่อ: Primary Analyst เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล Senior Director +662 655 4760 บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ชั้น 13, อาคารเวฟเพลส, ถนนวิทยุ, แขวงลุมพินี, เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 Secondary Analyst เอกพันธ์ พรหมประพันธ์ Analyst +662 655 4753 Committee Chairperson Buddhika Piyasena Senior Director +65 6796 7223 หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้ ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com การจัดอันดับเครดิตในรายงานนี้เกิดจากความต้องการของบริษัทที่ถูกจัดอันดับ ดังนั้น ฟิทช์ จึงได้รับค่าจ้างในการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว ในการจัดอันดับเครดิตฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม ‘Corporate Rating Methodology’ ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2554 และ‘Rating Oil Refining and Marketing Companies’ ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553 หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตดังกล่าวหาได้ที่ www.fitchratings.com การใช้อันดับเครดิตที่จัดทำโดยฟิทช์เรทติ้งส์มีข้อจำกัดและขอบเขตการใช้ ซึ่งข้อจำกัดและขอบเขตของการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวสามารถหาได้จาก HTTP://FITCHRATINGS.COM/UNDERSTANDINGCREDITRATINGS นอกจากนี้คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฎข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ