กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--กทม.
เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.48 เวลา 07.00 น.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายจิม พันธุมโกมล ผู้อำนวยการสำนักการโยธา นายประเสริฐ ทองนุ่น ผู้อำนวยการเขตจตุจักร ตำรวจสน.พื้นที่ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ตรวจสภาพการก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกลาดพร้าว และตรวจสอบสภาพจราจร ในช่วงเวลาเร่งด่วน ที่บริเวณพื้นที่ก่อสร้างห้าแยกลาดพร้าว
สะพานดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 360 วัน กำหนดแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2548 ในขณะนี้ได้ขยาย ผิวจราจร รื้อย้ายสาธารณูปโภค นำเครื่องจักรเข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้ว และเตรียมปิดช่องการจราจรเพื่อก่อสร้าง ทั้งนี้การปิดช่องจราจรจะทำได้ก็ต่อเมื่อการขยายผิวจราจรทุกช่องทางทั้งขาเข้าและขาออกเสร็จสิ้นแล้ว รวมถึงการจัดทำแผนที่แนะนำเส้นทางเลี่ยงการจราจรผ่านห้าแยกลาดพร้าว ในการนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการให้จัดทำแผ่นพับประชาสัมพันธ์ 2 แบบ คือ แบบแรกให้แจกประชาชนทั่วไปที่ใช้เส้นทางห้าแยกลาดพร้าวในการสัญจร โดยมีรายละเอียดเส้นทางหลีกเลี่ยง ระยะเวลาการก่อสร้าง เพื่อจะได้วางแผนการเดินทางได้ และแบบที่สองสำหรับผู้ทำงานในละแวกใกล้เคียงการก่อสร้าง ซึ่งจะมีรายละเอียดถนน ตรอก ซอยที่ชัดเจน สำหรับใช้ในการเดินทางเข้าออกสถานที่ทำงาน บ้านเรือนได้อย่างสะดวกในระหว่างการก่อสร้างได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงแผ่นพับให้มีความชัดเจนเข้าใจง่าย ไม่ให้เกิดความสับสน ทั้งนี้หากทุกอย่างยังไม่มีความชัดเจน ช่องทางเบี่ยงยังไม่แล้วเสร็จกรุงเทพมหานครจะไม่ปิดช่องการจราจร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในวันจันทร์หน้า (13 มิ.ย.48) จะได้ข้อสรุปว่าทางเบี่ยง การขยายผิวจราจร การทำเครื่องหมายจราจร ไฟฟ้าแสงสว่าง จะแล้วเสร็จสามารถปิดช่องจราจรได้ เพื่อจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ นอกจากนั้นยังได้มอบหมายเขตจตุจักรให้ปรับเวลารดน้ำต้นไม้และรถเก็บขนมูลฝอยเข้าปฏิบัติงานในช่วงที่ไม่มีปัญหาจราจรหรือในชั่วโมงเร่งด่วน เบื้องต้นคาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้ (มิ.ย.48) จะสามารถปิดช่องจราจรและเริ่มก่อสร้างได้ ส่วนกรณีไฟสัญญาณจราจรที่มีปัญหาเนื่องจากผลกระทบจากการก่อสร้าง ได้กำชับให้สำนักการโยธาประสานกับสำนักการจราจรและขนส่ง กทม.ตรวจสอบและแก้ไขอย่างเร่งด่วนเมื่อเกิดการขัดข้อง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าในระหว่างก่อสร้างจะเกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด และหากประชาชนมีข้อข้องใจเกี่ยวกับโครงการนี้สามารถสอบถามได้ที่โทร. 0-4700-1606-9 และ 0-4759-6295 ตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--