LPN จาก Developer สู่ Value Creator รุก Mixed Target Development ใช้ “Family Zone” เป็นเรือธงปีมังกร

ข่าวอสังหา Monday January 30, 2012 08:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ LPN การันตีจุดแข็งนวัตกรรม “ชุมชนน่าอยู่” และแบรนด์ “ลุมพินี” ที่ตอบสนองแนวคิด Affordable House ส่งผลยอดขายและรับรู้รายได้ปี 2554 ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับปี 2555 รุกนวัตกรรมการอยู่อาศัยแบบบูรณาการ “Mixed Target Development” โดยใช้ “Family Zone” เป็น เรือธงใหม่ปูพรมสู่เส้นทางความสำเร็จจาก Developer สู่ Value Creator เน้นผสานความสมดุลระหว่างวิถีชีวิตในอดีตและปัจจุบัน โดยดีไซน์พื้นที่พิเศษสำหรับคนทุกวัยให้อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวอย่างมีความสุข ประเดิมโครงการแรกของปี ลุมพินี วิลล์ นาเกลือ-วงศ์อมาตย์ ก่อนส่งคอนโดอีก 10 โครงการ ซึ่งมีต่างจังหวัดอีก 1-2 ทำเล เน้นทำเลที่มีความหนาแน่นของประชากร พร้อมส่งทาวน์โฮม 5 โครงการ สร้างการรับรู้ต่อเนื่องจนถึงปี 2557 นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่า จากจุดยืนของผู้บริหารที่มุ่งเน้นความสำคัญในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบอาคารชุดพักอาศัยด้วยการสร้างสรรค์คุณค่าให้กับครอบครัว “ลุมพินี” เพื่อการอยู่อาศัยที่มีความสุขแบบบูรณาการ โดยสร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี โดยเฉพาะนวัตกรรมการบริหารจัดการในรูปแบบ “ชุมชนน่าอยู่” ภายใต้ แบรนด์ “ลุมพินี” จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคอย่างสูง ด้วยการบอกต่อของกลุ่มลูกค้า สะท้อนออกมาเป็นยอดขายของบริษัทที่เติบโตขึ้นทุกปี “ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการพัฒนาโครงการ และสร้างการเติบโตจากยอดขาย และรับรู้รายได้ ในปี 2554 ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากการส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ใน 5 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา- นวมินทร์ (อาคาร D) ลุมพินี เพลส พระราม 9 (เฟส 2) ลุมพินี เพลส รัชโยธิน ลุมพินี พาร์ค ปิ่นเกล้า และ ลุมพินี เพลส พระราม 4-กล้วยน้ำไท เชื่อมั่นว่าเป็นผลจากการพัฒนาและปรับปรุงนวัตกรรมการอยู่อาศัยให้ผลิตภัณฑ์และบริการ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอบสนองแนวคิด Affordable House รวมถึงดีมานด์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากของผู้ที่ต้องการบ้านหลังแรกภายใต้คุณภาพชีวิตที่ดี กรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนงานในปี 2555 บริษัทมั่นใจว่ายอดขายและรายได้จะเติบโต กว่า 10% จากการพัฒนาโครงการใหม่ 11 โครงการทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดโดยเน้นทำเลที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง มูลค่ารวมของรายได้ประมาณกว่า 15,000 ล้านบาท โดยโครงการแรกที่จะเปิดตัวปี 2555 นี้ ได้แก่ ลุมพินี วิลล์ นาเกลือ-วงศ์อมาตย์ (อาคารเอ) มูลค่าโครงการ 830 ล้านบาท เป็นโครงการที่ 3 ในทำเลของเมืองพัทยา โดยมีการนำนวัตกรรมการอยู่อาศัยแบบบูรณาการ “Mixed Target Development” ที่ใช้ “Family Zone” มาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ “ลุมพินี” เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่ครองใจกลุ่มลูกค้าได้ทุกวัย นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการแนวราบในรูปแบบ “ทาวน์โฮม” อีกประมาณ 5 โครงการ โดยในไตรมาสแรกของปี บริษัทเตรียมเปิดตัว 2 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี ทาวน์ เพลส รัชโยธิน-เสนา และลุมพินี ทาวน์ เรสซิเดนท์ ลาดพร้าว สเตชั่น ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 770 ล้านบาท สำหรับแนวคิด “Mixed Target Development” โดยใช้ “Family Zone” เป็นเรือธงนำร่องโครงการ LPN ในปีนี้เป็นนวัตกรรมการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ที่ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของอายุหรือไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ตอบโจทย์สำหรับคนทุกวัยให้สามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในชุมชนที่น่าอยู่ของ “ลุมพินี” ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะสม และลงตัว เน้นที่การผสานความสมดุลระหว่างวิถีชีวิตในอดีตและปัจจุบัน เพื่อเป็นการสร้างวัฒนธรรมการอยู่อาศัยร่วมกัน (Spirit of Togetherness) ห่วงใย (Care) แบ่งปัน (Share) ให้กับคนในชุมชน “ตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้สามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ในครอบครัว ได้แก่ ห้องครัวรวม (Family Kitchen) พื้นที่สำหรับชมภาพยนตร์ ห้องคาราโอเกะ (Recreation Area) ห้องพักผ่อนรวม (Family Lounge) และกิจกรรมนอกสถานที่ รวมถึงการออกแบบห้องชุดพักอาศัย ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ “Family Zone” เป็นคอนโดต้นแบบที่เหมาะสมกับ คนทุกวัย อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่ภายในโครงการ เราได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบห้องชุดและพื้นที่ส่วนกลางที่พร้อมรองรับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกเพศทุกวัย ด้วยรูปแบบ “Universal Design” อย่างไรก็ตาม บริษัทได้คำนึงถึงการอยู่อาศัยของผู้สูงวัยจึงได้พัฒนาห้องชุดในโครงการลุมพินี วิลล์ นาเกลือ-วงศ์อมาตย์ ตั้งแต่ชั้น 4-6 โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการดำเนินชีวิต อาทิ การเพิ่มราวจับในห้องน้ำ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องที่ไม่มีเหลี่ยมมุม และปุ่มฉุกเฉินในกรณีต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเสริมเรื่องของการให้บริการทางด้านสุขภาพ (Family Care) ด้วยการประสานความร่วมมือกับทางโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาในกรณีส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน เพื่อสามารถดูแลและรักษาได้ทันท่วงที ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย” ตลอดการพัฒนาโครงการเพื่อการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ บริษัทได้ริเริ่มนวัตกรรมในด้านต่างๆ มาโดยตลอด จนทำให้ได้รับรางวัล Thailand Most Innovative Companies 2011: In Search of Sustainable Innovation ซึ่งเป็นรางวัลที่แต่ละบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกพิจารณาจากผลการประเมิน โดยนักธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม ประกอบผลการตัดสินใจโดยผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อคัดเลือกบริษัทที่มีนวัตกรรมโดดเด่นที่สุดจากบริษัทที่จดทะเบียนทั้งหมด โดย LPN เป็น 1 ใน 5 บริษัทในกลุ่ม Non-service ที่ได้รับรางวัลนี้ ทั้งยังได้รับ การประเมินว่ามีการกำกับดูแลกิจการอยู่ในระดับดีเลิศจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เป็นปีที่ 2 โดยรางวัลที่ได้รับนั้นเชื่อมั่นว่ามาจากแนวทางในการบริหารจัดการของ LPN ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อตรง โปร่งใส และรักษาคำมั่นสัญญา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ