กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A” พร้อมทั้งยกเลิกอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทของบริษัทที่ได้ประกาศไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ซึ่งอยู่ที่ระดับ “A” เนื่องจากบริษัทไม่มีการออกหุ้นกู้ในช่วงดังกล่าว ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในครั้งนี้ไปใช้ชำระคืนหนี้ระยะสั้นบางส่วนและใช้เป็นเงินทุนสำหรับขยายกิจการ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และความสามารถของคณะผู้บริหาร การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความยืดหยุ่นทางการเงินจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง แนวโน้มราคาวัสดุและแรงงานที่คาดว่าจะสูงขึ้น และภาระหนี้ของบริษัทที่อยู่ในระดับสูง ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันด้วยการนำเสนอสินค้าที่สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่า 50% เป็นเวลาต่อเนื่อง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยของไทยก่อตั้งในปี 2526 โดยตระกูลอัศวโภคิน ณ สิ้นปี 2554 ตระกูลอัศวโภคินมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท 31% รองลงมาคือ Government of Singapore Investment Corporation (GIC) ในสัดส่วน 16% สินค้าหลักของบริษัทคือบ้านเดี่ยวซึ่งสร้างรายได้ในสัดส่วนประมาณ 3 ใน 4 ของรายได้รวม แบรนด์ที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขาย การมีสินค้าบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์และราคาที่หลากหลายช่วยให้บริษัทสามารถเลือกเสนอสินค้าที่เหมาะสมกับกำลังซื้อและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละทำเล ความแข็งแกร่งทางการตลาดของบริษัทสะท้อนจากยอดขายที่อยู่ในระดับ 1.6-2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างรายได้ให้เติบโตในปี 2555 จากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ การมีหน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขายเกินความต้องการซื้อ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากสัดส่วนรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในช่วงปี 2553-2554 ณ สิ้นปี 2554 มูลค่าโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทที่ยังไม่ได้โอนอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท และมียอดขายโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) มูลค่า 2.8 พันล้านบาท หรือประมาณ 14% ของฐานรายได้ระดับปกติของบริษัท ส่วนมูลค่าโครงการคอนโดมิเนียมที่พร้อมขายอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ของบริษัทจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมโอนได้ในปี 2555
บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 19.3% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรดังกล่าวจะได้รับแรงกดดันมากขึ้นในปี 2555 ทั้งจากค่าใช้จ่ายส่งเสริมการตลาดในโครงการที่ถูกน้ำท่วม ราคาวัสดุและแรงงานที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายโครงการ “Terminal 21” อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ณ เดือนกันยายน 2554 อยู่ที่ 48.9% โดยอัตราส่วนดังกล่าวน่าจะอยู่ในระดับปัจจุบันต่อไปอีกประมาณ 1-2 ปีซึ่งเป็นผลจากต้นทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และนโยบายจ่ายเงินปันผลอัตราสูง ทั้งนี้ บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้ต่ำกว่า 1.25 เท่าตามข้อกำหนดสิทธิหุ้นกู้ โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.06 เท่า สภาพคล่องของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้แม้ว่าจะอ่อนแอลงนับจากปี 2553 ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทได้รับแรงสนับสนุนจากเงินลงทุนในบริษัทอื่นที่มีมูลค่ายุติธรรมที่ 2.53 หมื่นล้านบาท
ผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ทำให้คาดว่ายอดขายที่อยู่อาศัยจะชะลอตัวลงโดยเฉพาะในทำเลที่เผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายอาจมีรายได้ที่เติบโตลดลงหรือประสบกับภาวะขาดทุนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ทั้งนี้ นโยบายสนับสนุนด้านภาษีและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปลอดดอกเบี้ยของรัฐบาลอาจไม่มีผลกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาสต่อ ๆ ไปข้างหน้าเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถดถอยลง นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยังคงมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลมีผลบังคับใช้ และภาระหนี้ของผู้ประกอบการที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทริสเรทติ้งกล่าว
บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
LH127A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2558 A A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)