สกว. แนะเทคนิคการสื่อสารเสริมบทบาทผู้นำหญิง

ข่าวทั่วไป Thursday March 18, 2004 16:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--สกว.
แนะเทคนิคการสื่อสารเสริมบทบาทผู้นำหญิง สร้างสมดุล พัฒนาการปกครองท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)นักวิชาการระบุผู้หญิงในการเมืองท้องถิ่นยังด้อยประสบการณ์ ขาดความรู้และทักษะ แนะใช้บทบาทการสื่อสารเสริมช่วยเพิ่มแหล่งข้อมูลความรู้ เพื่อใช้เสริมพลังในการพัฒนา กล้าตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ปัจจุบันผู้หญิงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะทางด้านการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น แม้เป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยแต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี อุปสรรคสำคัญของผู้หญิงในการปกครองท้องถิ่นคือขาดการเตรียมตัวและสั่งสมประสบการณ์ที่มากพอ สำหรับการก้าวเข้ามาทำงานในพื้นที่ที่เคยเป็นของผู้ชายมายาวนาน ดังนั้น การสื่อสารจึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถมีข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายและดีที่สุด ประกอบการตัดสินใจในการทำงานการเมืองที่มีลักษณะฉับไวและรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
งานวิจัยเรื่อง"บทบาทการสื่อสารในการเสริมพลังความเข้มแข็งของผู้หญิงในการปกครองของถิ่น" ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งมี ผศ.อ้อมทิพย์ เมฆรักษาวนิช แคมป์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นหัวหน้าโครงการ ระบุว่า ในการปกครองท้องถิ่น ผู้หญิงได้เข้าไปมีส่วนร่วมใน 2 ลักษณะ คือการมีส่วนร่วมโดยตรงจากการได้รับเลือกตั้งเข้าไปทำหน้าที่ผู้นำ เช่น สมาชิกอบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือประธานกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ กับกลุ่มพลัง ผู้สนับสนุน หรือกลุ่มผลประโยชน์ที่จะคอยติดตามการดำเนินงานของกลุ่มผู้นำตามความต้องการที่เสนอไป การที่ผู้หญิงจะก้าวเข้าไปแสดงบทบาทในที่ที่เคยเป็นพื้นที่ของผู้ชายมายาวนานนั้นจำเป็นต้องเตรียมตัวและสั่งสมประสบการณ์ที่มากพอ จึงจะสามารถใช้ศักยภาพของตนเองเพื่อพัฒนาชุมชนให้เจริญก้าวหน้าและเอื้อประโยชน์ต่อสมาชิกของสังคมได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการเตรียมตัวและการสั่งสมประสบการณ์นี้ส่วนหนึ่งต้องอาศัยการสื่อสารในการแสวงหาความรู้และทักษะต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง งานวิจัยนี้จึงศึกษาว่าเมื่อเข้ามาทำงานเขามีช่องทางในการรับสาร คือ ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาท้องถิ่น และมีช่องทางอย่างไรในการส่งข่าวสารข้อมูลเหล่านั้นไปสู่กลุ่มเป้าหมาย
ผศ.อ้อมทิพย์ กล่าวว่า จากงานวิจัยเชิงคุณภาพที่เข้าไปศึกษากับผู้หญิงในการปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคเหนือ พบว่า การเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองท้องถิ่นของผู้หญิงบทบาทหนึ่งมักต้องเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่ต้องตั้งอยู่บนความตระหนักและการรับรู้ปัญหาเฉพาะของกลุ่มผู้หญิงและกลุ่มผู้ด้อยโอกาสอื่น ๆ ซึ่งเขาก็มีความรู้อยู่มากจากการทำงานใกล้ชิดชุมในบทบาทต่าง ๆ ซึ่งมักเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุ แต่เนื่องจากการทำงานในการเมืองการปกครองท้องถิ่นยังเป็นเรื่องใหม่และเขายังไม่มั่นใจต่อการแสดงบทบาทใหม่นี้ จึงไม่สามารถนำความรู้ที่มีอยู่ไปใช้ในการทำงานเพื่อพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่
ผศ.อ้อมทิพย์ กล่าวว่า ผู้หญิงจึงต้องการแรงเสริมที่จะทำให้เกิดพลังความมั่นใจ นั่นคือการมีข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายและดีที่สุด ซึ่งการเข้าไปหนุนเสริมให้ผู้หญิงเข้าใจและใช้ประโยชน์จากบทบาทของการสื่อสาร ทั้งการรับสารคือการแสวงหาความรู้ข้อมูลต่าง ๆ และการส่งสาร คือสามารถนำข้อมูลข่าวสารและความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รับนั้นไปส่งต่อเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับคนในสังคมชุมชนได้อย่างถูกต้อง และยังสามารถใช้บทบาทการสื่อสารนี้เพื่อการพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ที่ผ่านมาบางชุมชนที่มีปัญหาว่าเวลาเรียกประชุม สมาชิกมักไม่ค่อยสนใจมาเข้าร่วมหรือมีส่วนรับรู้ในการทำงานที่เป็นเรื่องของส่วนรวม จากระบวนการวิจัยที่ได้คิดทบทวนร่วมกันพบว่า อาจเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาสมาชิกเห็นว่าเมื่อเขาได้เลือกผู้นำไปแล้วก็ควรเป็นหน้าที่ของผู้นำไปดำเนินการเอง และตัวผู้นำเองก็อาจไม่มีการสื่อสารกับสมาชิกเท่าที่ควร หรือเป็นเพราะเรื่องที่เรียกประชุมนั้นไม่น่าสนใจ วันเวลาจัดประชุมไม่เหมาะสม และที่สำคัญเป็นเพราะการไม่เห็นว่าเรื่องของส่วนรวมนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวที่มีความสำคัญ ผศ.อ้อมทิพย์ กล่าวว่า สิ่งที่เห็นชัดจากงานวิจัยคือบทบาทการสื่อสารสามารถเข้าไปเสริมผู้หญิงได้มากโดยเฉพาะการเข้าไปเสริมพลังอำนาจในกระบวนการตัดสินใจของผู้หญิงในกลุ่มผู้นำ ซึ่งจะต้องพัฒนาบทบาทการสื่อสารเชิงรุกเพื่อทำความเข้าใจกับผู้อื่น และการสื่อสารเชิงรับคือการใช้การสื่อสารเพื่อได้มาซึ่งข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
ทั้งนี้จากการถอดบทเรียนผู้นำหญิงบางคนช่วยให้เข้าใจในเรื่องการเป็นผู้นำหญิงชัดขึ้น โดยพบว่า องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง ได้แก่
1) การมีประสบการณ์การทำงานในบทบาทต่าง ๆ ในหมู่บ้านมาก่อน ทำให้มีการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ตลอดจนเป็นกระบวนการในการสร้างการยอมรับจากทั้งผู้นำและคนในชุมชน
2) มีวิธีคิดเพื่อส่วนรวม ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกัน การให้เกียรติผู้อื่น มีความมุ่งมั่น และมีวิธีคิดที่เน้นการพึ่งตนเอง
3) การใช้การสื่อสารเพื่อการพัฒนาตนเองและการทำงานอยู่เสมอ
ผศ.อ้อมทิพย์ กล่าวว่า แนวทางหนึ่งในการส่งเสริมผู้หญิงในการปกครองท้องถิ่นที่สำคัญคือ การจัดให้มีแหล่งข้อมูลที่เขาสามารถเข้าไปรับรู้และนำมาใช้ประโยชน์ได้สะดวก ไม่ต้องติดขัดกับระบบเอกสารที่มักตกค้างอยู่กับบุคคลในตำแหน่งต่าง ๆ
""บทบาทของการสื่อสาร"เป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้ก้าวย่างในการทำงานของผู้หญิงในการปกครองท้องถิ่นมีความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น อันจะช่วยเติมเต็มความหวังที่จะให้ผู้หญิงในการเมืองท้องถิ่นเป็นคำตอบของการสร้างความสมดุลของการพัฒนานั้นเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง " ผศ.อ้อมทิพย์กล่าวในที่สุด.--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ