กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บลจ.ไอเอ็นจี ตอกย้ำความมั่นใจ “ตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชีย” สินทรัพย์เหมาะสมลงทุนปี 2012ภายหลังจากไอเอ็มเอฟหั่น GDP เศรษฐกิจโลก-ยุโรป ฟิทช์ลดอันดับเครดิตกลุ่มยูโรโซนขณะที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยต่ำถึงปี 2014เงินลงทุนต่างชาติพร้อมไหลกลับเข้าหาภูมิภาคเอเชียที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
บลจ.ไอเอ็นจีเสนอขายกองทุนใหม่ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล” เปิดจองตั้งแต่ 30 มกราคม - 7 กุมภาพันธ์นี้ กำหนดจองซื้อขั้นต่ำเพียงแค่ 2,000 บาท เผยสินทรัพย์หลักที่เข้าลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชีย ที่มีอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ที่สูงกว่า มั่นใจภูมิภาคเอเชียเหมาะกับการลงทุนในปี 2012 ภายหลังจากเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา (28 มกราคม 2012) ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือ 5 ประเทศในยูโรโซน รวมถึงอิตาลีและสเปน นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อไปจนถึงปี 2014 ขณะที่ไอเอ็มเอฟประกาศลดการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกลงเหลือ 3.3% จาก 4% เหตุปัญหาหนี้สาธารณะยูโรโซนยังวิกฤติ เชื่อภูมิภาคเอเชียกลายเป็นจุดหมายปลายทางของเงินลงทุน จากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและโอกาสในการเติบโต มั่นใจสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี จำกัด เปิดเผยว่า บลจ. ไอเอ็นจี เปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล” ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 30 มกราคม ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2012 นี้ โดยกำหนดจองขั้นต่ำ 2,000 บาท ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนที่แสวงหาทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เนื่องจากกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ คือ ING (L) Renta Fund Asian Debt (Local Bond)* ซึ่งกองทุนรวมต่างประเทศนี้จะกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารตลาดเงิน และเงินฝากของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง และจีน เป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากภูมิภาคเอเชียจะเป็นจุดหมายปลายทางของเม็ดเงินลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระยะเวลาฟื้นฟู ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปยังคงต้องเผชิญกับวิกฤติหนี้สาธารณะที่ส่งผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
“ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (28 มกราคม 2012) ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 5 ประเทศในยูโรโซน ซึ่งรวมถึงอิตาลีและสเปน โดยปรับลดเครดิตของอิตาลีลดลง 2 ขั้นจาก A+ เป็น A- และปรับลดของสเปน 2 ขั้นจาก AA- เป็น A เนื่องจากประเทศเหล่านี้อาจมีความยืดหยุ่นทางการเงินไม่เพียงพอที่จะรับมือกับวิกฤติหนี้ อีกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ได้ประกาศปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4% พร้อมกับคาดว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัว 0.5% ในปีนี้ จากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.1% โดยปัจจัยสำคัญยังมาจากปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป ซึ่งจะส่งผลฉุดรั้งให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวเพียง 1.8% ขณะเดียวกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้มีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อเนื่องไปจนถึงปี 2014 จากเดิมที่ประกาศจะตรึงดอกเบี้ยถึงกลางปี 2013 สะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐฯ ยังคงต้องประคับประคองและใช้เวลาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของตัวเองต่อไป ซึ่งจากปัจจัยเหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียมีความโดดเด่นเพิ่มมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจเอเชียยังมีความแข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไป โดยมีฐานะการเงินและการคลังที่มั่นคง จากการที่มีปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศและการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่อยู่ในระดับสูง” นายจุมพลกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับว่าการเลือกสินทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน รวมถึงการเลือกลงทุนในสอดคล้องกับสถานการณ์เป็นเรื่องสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงของการขยายตัว การเลือกลงทุนในหุ้นจะเหมาะสม แต่หากวงจรเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขยายตัวเต็มที่นักลงทุนควรเลือกลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ แต่สำหรับการลงทุนในปัจจุบันในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทรงตัวและลดลง การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เหมาะสมคือการเลือกลงทุนใน “ตราสารหนี้” โดยเรายังได้วิเคราะห์เพื่อคัดเลือกภูมิภาคที่เหมาะสมกับการลงทุนซึ่งก็คือ “การลงทุนในตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชีย” ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ในช่วงปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า ดังนั้น ทำให้เรามั่นใจว่า “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล” จะเป็นทางเลือกการลงทุนที่จะสามารถสร้างโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามหากมองการลงทุนระยะยาวสำหรับหลักทรัพย์ในประเทศไทย สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ ตราสารทุน ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดี ด้วยนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ ทั้งนี้กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยอีควิตี้ฟันด์ ซึ่งลงทุนในตราสารทุนในประเทศ สามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นตั้งแต่ต้นปี 2012 จากการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเป็นผลให้ทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นได้รับอานิสงส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ นับจากต้นปีถึงวันที่ 27 มกราคม 2012 พบว่าตลาดตราสารหนี้ไทยมียอดซื้อสุทธิที่ 17,500 ล้านบาท ส่วนตลาดหุ้นไทยมียอดซื้อสุทธิ 3,438.53 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติต่อการลงทุนในภูมิภาคเอเชียซึ่งรวมถึงประเทศไทย ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล คาดการณ์การเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2012 อยู่ที่ประมาณ 4.8% ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่ได้คาดการณ์การเติบโตอยู่ที่ 5% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยนับเป็นอีกประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีอีกประเทศหนึ่ง
สำหรับโอกาสที่นักลงทุนจะได้รับจากการลงทุนใน “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล” จะมาจากผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย โอกาสในการทำกำไรจากราคาตราสารหนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และโอกาสการทำกำไรของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน โดยในส่วนของผลการดำเนินงานของกองทุนนนั้น หากพิจารณาจากกองทุน ING Asian Debt Local Bond Strategy ซึ่งเป็นกองทุนต้นแบบ พบว่า สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีในระดับ 14.63% ต่อปี สูงกว่าผลตอบแทนเปรียบเทียบจากดัชนี HSBC’s Asian Local Bond Index (ALBI) ซึ่งอยู่ที่ 13.14% ต่อปี (ข้อมูล ณ 31 ตุลาคม 2011, ที่มา INGIM) โดยทีมผู้จัดการกองทุนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล นั้นเป็นทีมเดียวกับทีมที่รับผิดชอบบริหารจัดการลงทุนให้กับ ING Asian Debt Local Bond Strategy ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว
“กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล” เปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 30 มกราคม ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2012 กำหนดอัตราการจองขั้นต่ำ 2,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ โทร. 02 -688-7777 กด 2 หรือ www.ingfunds.co.th หรือที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย
คุณพรพรรณ ไพบูลย์วัฒนชัย บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน อรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า)
บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด T-0-2248-7967-8 ต่อ 117
T- 0-2688-7785 F- 0-2688-7707 E- Pornpun.P@ingfunds.co.th E-c_mastermind@hotmail.com