กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2555 สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) ได้เปลี่ยนสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศ ระหว่างรัฐบาล เมื่อกฏบัตรใหม่มีผลบังคับใช้ โดยสถาบันฯได้กลายเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงแห่งเดียวของภูมิภาคเอเชียที่ได้รับสถานะทางกฏหมายดังกล่าว
กฏบัตรใหม่ได้ถูกใช้แทนกฏบัตรเอไอทีฉบับพ.ศ. 2513 ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้องค์การสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATO — South-East Asia Treaty Organization) กฏบัตรฉบับใหม่นี้รองรับสถานะของสถาบันเอไอทีในฐานะองค์การระหว่างประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้สถาบันการศึกษาระดับสูงแห่งนี้สามารถมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในระดับโลกจากสถานที่ตั้งในประเทศไทย กฏบัตรใหม่นี้เปิดโอกาสให้ประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่างๆได้ร่วมมือกับสถาบันเอไอทีในฐานะที่เป็นเวทีที่มีความเป็นกลาง
จนถึงขณะนี้ประเทศสวีเดน ญี่ปุ่น อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน บังคลาเทศ และเนปาล ยื่นหนังสือให้สัตยาบันรับรอง กฏบัตรใหม่ต่อกระทรวงการต่างประเทศของไทย และเป็นสมาชิกของสภาบริหารชุดใหม่ของสถาบันเอไอที
สถาบันเอไอทีเชื่อมั่นว่าประเทศไทย ในฐานะประเทศเจ้าบ้าน พร้อมทั้งอีกสิบประเทศและหนึ่งองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งได้ลงนามหรือยืนยันที่จะลงนามรับรองกฏบัตรใหม่ของสถาบันเอไอที ได้แก่ ประเทศภูฐาน กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน เยอรมนี อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เซเชลส์ ติมอร์-เลสเต อุซเบกิสถาน เวียดนาม และ United Nations Development Fund for Women, East and Southeast Asia (UNIFEM) ซึ่งขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของ UN Women จะร่วมเป็นสมาชิกในสภาบริหารของสถาบันเอไอทีในอนาคตอันใกล้นี้
ศ. ซาอิด อิรานดุส กล่าวว่า กฏบัตรใหม่เป็นบทสรุปของการทำงานในช่วงระยะเวลาหลายปีภายใต้การนำของกระทรวงการต่างประเทศของไทยเพื่อกำหนดสถานะทางกฏหมายของสถาบันเอไอที ตามกฏหมายระหว่างประเทศ กฏบัตรใหม่นี้เป็นการยกย่องสถาบันเอไอทีในฐานะเวทีระหว่างประเทศของภูมิภาคเอเชียของการศึกษาระดับสูง การทำวิจัย การเสริมสร้างขีดความสามารถและการให้ความช่วยเหลือประเทศต่างๆ
ฝ่ายบริหารของสถาบันเอไอทีกำลังติดตามกฏบัตรใหม่นี้ซึ่งถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของประธานคณะกรรมการอำนวยการสถาบันเอไอที ดร.เตช บุนนาค ผู้เป็นหัวหอกในการดำเนินขั้นตอนต่างๆ และเพิ่งหมดวาระในตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2555 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่กฏบัตรใหม่ของสถาบันเอไอทีมีผลบังคับใช้