กรุงเทพฯ--8 ก.พ.--OutDoor PR
อีกหนึ่งกิจกรรมสนับสนุนเด็กไทยสั่งสมประสบการณ์ พัฒนาฝีมือ กล้าคิดกล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ในการปรุงอาหาร โดย “บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด” ได้เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยจากสถาบันต่างๆ ในระดับอุดมศึกษาได้โชว์ฝีมือการแข่งขันปรุงอาหาร ในโครงการ “Deksomboon World Food Challenge 2011 ครั้งที่ 6” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฟ้นหาสุดยอดเชฟเยาวชนไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการจัดตกแต่ง และออกแบบจานอาหารอย่างมีสไตล์ พร้อมด้วยการปรุงอาหารรสเลิศ ภายใต้คอนเซปต์ “อาหารไทย เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่ง “บจก. หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป” ได้จัดกิจกรรมนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มนักศึกษาที่สนใจด้านการทำอาหาร ได้โชว์ศักยภาพ แสดงทักษะ และต่อยอดสู่เวทีระดับนานาชาติในอนาคต
ทั้งนี้ มีทีมนักศึกษาที่ได้ผ่านการคัดเลือก จำนวน 20 ทีมๆ ละ 2 คน แบ่งเป็น 2 สาย คือ สาย A และ สาย B สายละ10 ทีม โดยกติกาการประกวดนั้น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำเมนูอาหารทั้งหมด 3 รายการ เมนูจานแรก คือ เมนูทรงโปรดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ซึ่งสาย A จะได้โจทย์การแข่งขันฯ คือ ผัดเผ็ดปลาดุก และสาย B คือ ปูเค็มต้มกะทิ เมนูจานที่สองคือ เมนูผักโครงการหลวงเพื่อสุขภาพ และเมนูจานสุดท้ายคือ เมนูเครื่องปรุงสำเร็จ จากผู้สนับสนุน “ไอ-เชฟ” ซึ่งมีด้วยกัน 5 สูตร โดยแต่ละทีมต้องจับสลากในการเลือกใช้เครื่องปรุงสำเร็จจาก “ไอ-เชฟ” สูตรใดสูตรหนึ่งในการประกอบอาหารเมนูจานที่ 3 โดยมีตัวแทนจากสมาคมพ่อครัวไทย, โรงเรียนครัววันดี, ตัวแทนจากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และบริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน
สำหรับเกณฑ์การตัดสินทุกทีมจะต้องทำอาหารเมนูละ 2 จาน (สำหรับกรรมการชิม และสำหรับจัดโชว์โต๊ะอาหาร) มีการจัดโต๊ะโชว์อาหารตามสไตล์ที่ได้คิดไว้อย่างอิสระ รวมถึงการเลือกใช้ภาชนะ และอุปกรณ์การตกแต่งอย่างเหมาะสม นอกจากนี้จะพิจารณาในเรื่องของการบริหารเวลาที่เหมาะสม รสชาติของอาหารที่ดี มีกรรมวิธีที่ถูกสุขลักษณะ สะอาด มีสีสันสวยงาม และมีคุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงการ
นำเสนออาหารของแต่ละทีม ซึ่งผลการแข่งขันฯ ปรากฏว่า ทีม “ต้นสาทร” นักศึกษาชั้นปีที่ 2 จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ สาขาวิชาธุรกิจอาหาร สมาชิกทีมประกอบด้วย นายนพสิทธิ์ เกียรติพนมแพ และนายสานิต มะณีวงษ์ ที่โชว์ฝีมือเหนือคู่แข่งคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองด้วยธีม “อาหารของพ่อ” กับ 3 เมนูที่มาพร้อมเอกลักษณ์ของความเป็นไทยภายใต้ชื่อของอาหารแต่ละเมนู เมนูจานแรก ผัดเผ็ดมัจฉา หรือ ผัดเผ็ดปลาดุก-เมนูทรงโปรดของในหลวง
นพสิทธิ์ และสานิต บอกว่า “กว่าจะลงตัวทั้งในเรื่องรสชาติของอาหาร การนำเสนอรวมถึงการตกแต่งแล้ว ต้องหาร้านปลาดุกที่ลงตัวมากที่สุด รวมถึงการคิดค้นสูตรพิเศษในการทำให้ปลาดุกที่ทอดมีความกรอบอยู่ได้นาน และไม่มีกลิ่นคาว เราลองผิดถูกมานับครั้งไม่ถ้วน ต้องทำออกมาให้ดีที่สุดให้สมกับที่เป็นเมนูทรงโปรดของในหลวง อีกทั้งต้องจัดแต่งจานอาหารให้มีลักษณะคล้ายตัวปลา แต่งหน้าด้วยไข่วงเดือน เพิ่มสีสันของอาหารด้วยการนำผักหลากสีมาแกะสลักให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น ส่วนจานที่สอง หลนกุ้งทรงเสวย —เมนูผักโครงการหลวง เราเน้นไปที่ผักเครื่องเคียงที่รับประทานคู่กัน และเพิ่มรสชาติ และตกแต่งด้วย เบบี้แครอท และพริกหวาน ซึ่งเป็นผักจากโครงการหลวง และจานสุดท้าย ลุยทะเล กับโจทย์ที่ได้รับคือ เครื่องปรุงสำเร็จอบหม้อดิน จาก “ไอ-เชฟ” ต้องคิดให้มีความแปลกใหม่ และแตกต่างจากของเดิมมาเป็นเมนู ลุยทะเล โดยเมนูทั้ง 3 จาน เราเสิร์ฟพร้อมข้าวกล้องร้อนๆ หากรับประทานใน 1 มื้อ เราเชื่อว่าคุณค่าทางอาหารที่จะได้รับ ครบทั้ง 5 หมู่อย่างแน่นอน”
“พวกเรา 2 คนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากครับ และรู้สึกตื่นเต้นกับรับรางวัลชนะเลิศการประกวดแข่งขันเวที เด็กสมบูรณ์ฯ ในปีที่แล้วเพื่อนจากมหาวิทยาลัยเดียวกันก็ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันในโครงการนี้ ปีนี้เรา 2 คนเลยมีความมุ่งมั่น และตั้งใจกับการแข่งขันในครั้งนี้ค่อนข้างสูง เราเตรียมตัวในการแข่งขันมากกว่า 2 สัปดาห์ สำหรับพวกเราสิ่งสำคัญสำหรับคนทำอาหาร หรือเชฟ คือ ในการทำอาหารแต่ละครั้ง เราต้องไม่นึกถึงมูลค่าที่จะได้รับเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญคือ การทำด้วยใจรัก ต้องมีความจริงใจกับสิ่งที่ทำ ต้องมีความอดทนอดกลั้น เพียรพยายามและมั่นฝึกฝน พัฒนาทักษะให้กับตัวเอง พร้อมทั้งเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ” และขอทิ้งท้ายด้วยบทกลอนที่ใช้นำเสนอคณะกรรมการฯ
“ผัดเผ็ดมัจฉา”
อันผัดเผ็ดมัจฉารสสุดเลิศ แสนบรรเจิดเพียงพิศน่าหลงใหล
ไข่วงเดือนจับใส่อย่างละมัย สมฤทัยได้ชิมเป็นเพลิดเพลิน
“หลนกุ้งทรงเสวย”
หลนกุ้งทรงเสวยแสนโอชา รวมนานาพืชพรรณโครงการหลวง
รสชาติเด็ดถูกใจทั่วทั้งปวง ติดในทรวงจดจำไม่ลบไป
“ลุยทะเล”
ลุยทะเลซอสหม้อดินไอเชฟเด็ด ทำได้เสร็จรวดเร็วสมดังหมาย
รสชาติถูกใจคนมิเสื่อมคลาย ยังไม่สายต้องหามาลิ้มลอง
“ข้าวกล้อง”
ข้าวกล้องไทยอุดมคุณประโยชน์ ไม่มีโทษไร้โรคาพาสุขสันต์
ให้ร่างกายแข็งแรงได้ทุกวัน คุณค่านั้นสารพันจะบรรยาย
อย่างไรก็ตาม ทีมชนะเลิศได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 60,000 บาท, โล่ห์เกียรติยศ และเข้าร่วมกิจกรรม Workshop กับ บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด รองอันดับ 2 เงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท รองอันดับ 3 เงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท และรางวัลชมเชยยอดเยี่ยม จำนวน 2 รางวัล เงินรางวัลละ 10,000 บาท และ รางวัลพิเศษจาก ไอ-เชฟ มูลค่า 10,000 บาท ซึ่งทุกรางวัลจะได้ประกาศนียบัตร และ Gift Set จากหยั่น หว่อ หยุ่น ตราเด็กสมบูรณ์