กรุงเทพฯ--25 มี.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวและระยะสั้นให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ กิมเอ็ง เป็น 'BBB+(tha)'และ 'F2(tha)' จาก 'BBB(tha)'และ 'F3(tha)' ตามลำดับ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางด้านชื่อเสียงของ กิมเอ็ง ต่อนักลงทุนรายย่อยในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงผลประกอบการที่ดีขึ้น, ความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนและการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่กิมเอ็งต้องพึ่งพาผลกำไรจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งค่อนข้างผันผวน รวมถึงความเสี่ยงทางด้านการดำเนินงานและความเสี่ยงทางด้านเครดิตของธุรกิจหลักทรัพย์และการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ กิมเอ็งได้เพิ่มทุนจำนวน 879 ล้านบาทโดยการกระจายหุ้นให้สาธารณชนและจำหน่ายหุ้นให้พนักงานของบริษัทในเดือนพฤศจิกายน 2546 แต่การเพิ่มขึ้นของยอดการซื้อขายหลักทรัพย์และการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญอาจทำให้บริษัทต้องการทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่วนการเริ่มดำเนินธุรกิจอนุพันธ์ (Derivative) ซึ่งได้ถูกระงับไว้ชั่วคราว ทางกิมเอ็งอาจจะต้องจัดสรรเงินทุนไว้รองรับธุรกิจนี้เป็นจำนวนมากในอนาคต
รายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นรายได้หลักของ กิมเอ็ง ซึ่งอยู่ที่ระดับ 90% ของรายได้ทั้งหมดใน 9 เดือนแรก (สิ้นสุดธันวาคม 2546) ของปีงบการเงิน 2546/2547 การเพิ่มขึ้นของยอดการซื้อขายหลักทรัพย์ส่งผลให้รายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของกิมเอ็ง ปรับตัวดีขึ้นเป็น 2.5 พันล้านบาทใน 9 เดือนแรกของปีงบการเงิน 2546/2547 จาก 802.3 ล้านบาทใน 9 เดือนแรก ของปีงบการเงิน2545/2546 กิมเอ็ง ยังรายงานอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 37.6% และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ที่ 14.8% ในขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ ปรับตัวลดลงเหลือ 51.2% ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็น 893.8 ล้านบาทใน 9 เดือนแรกของปีงบการเงิน 2546/2547
รายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์นั้นขึ้นอยู่ภาวะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะยอดการซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งค่อนข้างผันผวน การยกเลิกกฎเกณฑ์การเปิดเสรีค่านายหน้าธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 2544 และยอดการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ช่วยส่งเสริมความสามารถในการทำกำไร ของ กิมเอ็ง อย่างไรก็ตาม กฎเกณฑ์ดังกล่าวอาจถูกประกาศให้ใช้อีกครั้งหลังปี 2549 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ของ กิมเอ็ง ในระยะปานกลาง ในขณะที่กิมเอ็ง ยังมีแผนที่จะกระจายความเสี่ยงของการกระจุกตัวของแหล่งรายได้โดยการเพิ่มการให้บริการทางด้านวาณิชธนกิจ, การให้บริการที่ปรึกษาทางการเงิน, การจัดการกองทุนส่วนบุคคล, การให้สินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ และการริเริ่มธุรกิจอนุพันธ์ (Derivative)การแข่งขันในธุรกิจเหล่านี้ค่อนข้างอยู่ในระดับสูง ดังนั้นรายได้จากค่าธรรมเนียมการให้บริการเหล่านี้ (7% ของรายได้ทั้งหมดใน 9 เดือนแรกของปีงบการเงิน 2546/2547) มีแนวโน้มที่จะคงอยู่ในระดับต่ำในระยะสองปีข้างหน้า แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลาง
สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของ กิมเอ็ง ประกอบไปด้วย เงินสด และลูกหนี้จากสินเชื่อธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ลดลง มาเหลือ 321.8 ล้านบาท ณ ธันวาคม 2546 จาก 418.9 ล้านบาท ณ มีนาคม 2546 ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการตัดจำหน่ายหนี้สูญ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เกือบจะทั้งหมดเป็นสินเชื่อที่เกิดขึ้นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ และ ทางกิมเอ็ง ก็ได้ กันสำรองหนี้สูญเต็มจำนวนไว้สำหรับสินเชื่อเหล่านี้แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เกิดขึ้นใหม่ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ดังนั้นความเสี่ยงทางด้านเครดิตของ กิมเอ็ง จึงอยู่ในระดับค่อนข้างจะต่ำ ถึงแม้ว่าความเสี่ยงจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อาจจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในภาวะตลาดซบเซา
กิมเอ็ง ใช้เงินลงทุนจากผู้ถือหุ้น สนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทเสียเป็นส่วนใหญ่ หนี้สินส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในรูป เจ้าหนี้ สินเชื่อธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ ณ ธันวาคม 2546 สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทอยู่ที่ 177.8% ถ้าไม่รวมเจ้าหนี้สินเชื่อจากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ ระดับ D/E ของกิมเอ็ง จะลดลงมาที่ 54% และเนื่องจากบริษัทไม่ได้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเอง (proprietary trading) ความเสี่ยงจากภาวะตลาด (market risk)จึงค่อนข้างจะอยู่ในระดับที่ต่ำ
กิมเอ็ง มีสัดส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 2.6 พันล้านบาท ณ กันยายน 2546 เป็น 3.7 พันล้านบาท ณ ธันวาคม 2546 หลังจากบริษัททำการเพิ่มทุนในเดือน พฤศจิกายน 2546 ถึงแม้จะมีเงินทุนใหม่เข้ามา อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ ของบริษัท ลดลงจาก 72.9% ณ สิ้นปีงบการเงิน 2545/2546 เป็น 36% เนื่องจาก ลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากตามยอดการซื้อขายหลักทรัพย์
สำหรับรายงานของ Kim Eng นั้นสามารถหาได้จาก www.fitchresearch.com หรือติดต่อ the London Ratings Desk ที่ Tel: +44 (0)20 7417 6300 หรือ Email: ratingsdesk@fitchratings.com
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Vincent Milton, ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์, กรุงเทพฯ +662 655 4759/4762
David Marshall, ฮ่องกง +852 2263 9963
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้--จบ--
-นห-