กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--กนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์
การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตทั้งร่างกาย และสมอง โดยเฉพาะวัยเด็ก อายุ 0-6 ขวบ ถือเป็นช่วงที่สมองกำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเด็กเล็กนอกจากต้องการสารอาหารที่จำเป็นจากการรับประทานอาหารมื้อหลักให้ครบ 3 มื้อแล้ว ควรมีอาหารระหว่างมื้อที่ครบถ้วนคุณประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ แต่ในทางกลับกัน หากปล่อยให้เด็กทานของว่าง หรือขนมที่ไม่มีคุณค่าก็จะทำให้เด็กขาดสารอาหารที่จำเป็น ทำให้สมองเติบโตช้าได้ ดังนั้นจึงควรเน้นของว่างที่มีคุณค่าสารอาหาร เหมาะสมกับช่วงวัย
แคลเซียม เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต โดยฉพาะในเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต ร่างกายต้องการแคลเซียมในการสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก ซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย และยังเป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อเป็นเกราะป้องกันอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือน อย่างไรก็ตามแคลเซียมมิใช่เพียงตัวเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทให้อยู่ในภาวะปกติ อีกทั้งมีหน้าที่สำคัญต่อการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย ให้เจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในแต่ละวัยร่างกายสามารถสะสมปริมาณแคลเซียมในระดับที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกน้อยได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมกับวัย นอกจากจะดูแลอาหารมื้อสำคัญแล้ว ควรให้ความสำคัญต่อการเลือกรับประทานอาหารว่างที่ดีต่อสุขภาพให้ลูกควบคู่ไปด้วย
นายธีระชัย เลาก่อสกุล ผู้จัดการอาวุโส แผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด กล่าวว่า “เด็ก ๆ ต้องการแคลเซียมมากกว่าวัยผู้ใหญ่ เพื่อนำมาเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูก ฟัน และส่วนอื่น ๆ ซึ่งเด็กอายุระหว่าง 1-10 ปี ควรได้รับแคลเซียม 800-1,000 มิลลิกรัม/วัน จากการศึกษาพบว่าถ้าปริมาณแคลเซียมในร่างกายเด็กต่ำ จะทำให้ขบวนการสะสมเกลือแร่ในกระดูก และความหนาแน่นของกระดูกต่ำ เป็นผลให้เกิดโรคกระดูกอ่อน หรือโรคกระดูกค่อมงอได้ส่งผลต่อการนั่ง คลาน เดิน จะทำได้ช้า กระดูกขาของเด็กที่ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอเมื่อรับน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุเป็นผลให้ขาโก่ง กระดูกซี่โครงโค้งงอ กระดูกเชิงกรานมีรูปร่างผิดปกติ ซึ่งอาการนี้เมื่อเกิดขึ้นกับเด็กแล้ว ไม่สามารถรักษาให้หายคืนปกติได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญของเด็กช่วงอายุนี้ คือ การพัฒนารูปแบบการบริโภคให้สอดคล้องกับระดับแคลเซียมที่ร่างกายต้องการให้เพียงพอเพื่อพัฒนาความหนาแน่นของกระดูกให้การเติบโตของเด็กให้เป็นปกติด้วยโภชนาการที่ดี และถูกต้อง ซึ่งโยเกิร์ตพร้อมดื่ม (นมเปรี้ยว) ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกของการดื่มนมที่คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะให้แก่ลูก ๆได้ดื่มโยเกิร์ตพร้อมดื่ม (นมเปรี้ยว) เพราะนอกจากจะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน อร่อย ถูกปาก และยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของเด็กๆ ด้วยสารอาหารใกล้เคียงกับนม โดยเฉพาะฟอสฟอรัส และแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก และฟัน ซึ่งผลการวิจัยจากสถาบัน Thai Food Composition Table 1999 สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า ดัชมิลล์ คิดส์ 1 กล่อง ปริมาณ 90 มิลลิลิตร มีแคลเซียม 100 มิลลิกรัม เทียบเท่านมโคยูเอชทีรสจืด ปริมาณ 90 มิลลิลิตร มีแคลเซียม 100 มิลลิกรัม ดังนั้นโยเกิร์ตพร้อมดื่ม (นมเปรี้ยว) จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเด็กๆ”
คุณรัตนา เพ็ญกิจ ของลูกแฝด 2 คน น้องเพียงอายุ 3 ขวบ และน้องขนุนอายุ 2 ขวบ กล่าวว่า “เมื่อก่อนลูกไม่ค่อยชอบดื่มนมเท่าไหร่ทั้ง ๆ ที่นมเป็นแหล่งสำคัญของสารอาหารแคลเซียม คุณแม่จึงต้องหาวิธีให้น้องทั้ง 2 คนดื่มนม จึงลองนำนมเปรี้ยว มาทำเป็นอาหารว่าง เช่น แช่แข็งให้เป็นเหมือนไอศกรีม ปรากฏว่าน้องทั้ง 2 คนชอบมาก เพราะนมเปรี้ยวมีรสชาติที่อร่อย และมีให้เลือกหลายรสชาติ พอเติมผลไม้ และถั่วนานาชนิดเข้าไปยิ่งทำให้ได้สารอาหารที่มีประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันนี้น้องทั้ง 2 คน ก็ชอบดื่มนมแล้วโดยเฉพาะนมเปรี้ยวค่ะ”
ด้านดร. จินตนันท์ชญาต์ร ศุภมิตร คนเก่งผู้เป็นลูกสาวของ ท่านผู้หญิงพึงจิตต์ ศุภมิตร พร้อมกับเป็นคุณแม่ของน้องเฟธวัยน่ารักเล่าว่า “ฝันจะเลี้ยงลูกแบบให้อิสระ ถ้าน้องชอบทำอะไรก็จะสนันสนุนอย่างเต็มที่ เช่นด้านภาษา ตอนนี้น้องสื่อสารได้ 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาสเปน และภาษาไทย กิจกรรมอื่น ๆ ก็ได้แก่ เล่นเปียโน เทควันโด บัลเลต์ซึ่งกิจกรรมแต่ละอย่างก็ช่วยฝึกทักษะในแต่ละด้านของน้อง โดยปกติน้องชอบดื่มนมเปรี้ยวอยู่แล้วเพราะนมเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมมากที่สุดอีกทั้งยังถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ยิ่งพอได้ทราบว่าโยเกิร์ตพร้อมดื่ม (นมเปรี้ยว) ดัชมิลล์ คิดส์ เมื่อบริโภค 1กล่อง ขนาด 90 มิลลิกรัม จะได้รับแคลเซียม 100 มิลลิกรัม ถือเป็นหลักประกันที่ดีว่าเด็กจะได้รับปริมาณของแคลเซียมต่อวันที่เพียงพอเพราะการมีภาวะโภชนาการที่ดี และถูกต้องคุณพ่อคุณแม่จำเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องอาหารที่รับประทาน การปรับกิจวัตรประจำวัน และการออกกำลังกายให้เหมาะสมควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เด็กมีโภชนาการที่ดีหลีกเลี่ยงโรคอ้วน หรือภาวะผอมซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการต่อไปในอนาคตนั่นเองค่ะ” ดร.ฝันฝากทิ้งท้าย