กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--กระทรวงพลังงาน
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2546 ได้อนุมัติโครงสร้างกิจการไฟฟ้า และมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน ไปดูแลเรื่องการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกกฎหมายเพื่อสร้างความชัดเจนในอำนาจขององค์กรกำกับดูแล ในหลักการถ่ายโอนอำนาจของรัฐในเรื่องสำคัญ ๆ จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กลับคืนไปอยู่ที่อำนาจของรัฐอย่างชัดเจน ผ่านกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นหลักประกันในการสร้างความมั่นใจ ให้กับทุกฝ่าย โดยจะมีการโอนอำนาจต่าง ๆ กลับมาที่รัฐ ดังนี้
อำนาจการจัดหาที่ดินในการวางสายไฟฟ้า (มาตรา ๒๙) อำนาจการเวนคืนที่ดินเพื่อผลิตไฟฟ้า (มาตรา ๓๖) อำนาจการก่อสร้างโรงไฟฟ้า (มาตรา ๓๗) อำนาจการดำเนินการจัดการเขื่อนและการใช้น้ำ (มาตรา ๓๘ ) ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรฯอยู่แล้ว เพียงแต่เดิมกฟผ.จะร่วมกับกรมชลฯในการจัดการน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า แต่ต่อไปกรมชลประทานจะร่วมกับคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าออกข้อบังคับเพื่อกำหนดปริมาณน้ำที่จะกักเก็บหรือรายจากอ่างเก็บน้ำ ส่วนกฟผ.เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ผลิตไฟฟ้าตามข้อบังคับที่วางไว้เท่านั้น ส่วนเขื่อนจะโอนให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ยังโอนอำนาจการให้สัมปทานต่างๆในกิจการไฟฟ้าจากปว. ๕๘ รวมทั้งการกำหนดมาตรการ นโยบายพลังงานในด้านราคา การลงทุน การพยากรณ์การใช้ไฟฟ้าที่เคยอยู่ในคณะกรรมการย่อยของกพช.ก็จะโอนมาให้คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าแทน
ดังนั้นคณะกรรมกรกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าจะเป็นองค์กรที่ดูแลคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรม กำหนดกติกาให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม กำหนดและกำกับราคาไฟฟ้า ดูแลและจัดทำการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า กำหนดและกำกับหลักเกณฑ์ใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า ให้ความเห็นชอบการเชื่อมโยงระบบส่งลำหน่ายไฟฟ้า ดูแลการรอนสิทธิและเวนคืนเพื่อประกอบกิจการไฟฟ้า ร่วมกับกับกรมชลประทานควบคุมการใช้น้ำของเขื่อน ฯลฯ โดยมีคณะกรรมการ ๗ คน ซึ่งเป็นผู้ที่มีผลงานหรือเคยฎิบัติงานที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจและมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในด้านพลังงาน เศรษฐศาสตร์ การเงิน วิศวกรรม สังคม ฯลฯ--จบ--
-นท-