กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด
เลอ คองคอร์ด โฮเต็ล โดย กลุ่มมหาดำรงค์กุล ทุ่มงบลงทุนร่วม 2.5 พันล้านบาท ขยายโรงแรมในเครือเพิ่มใหม่อีก 2 แห่งในพัทยา และตราด พร้อมทั้งปรับโฉม โรงแรม สวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ รับตลาดนักธุรกิจและกลุ่มประชุมสัมมนา จับกระแสบูมธุรกิจย่านถนนรัชดาภิเษก
โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ เตรียมปรับโฉมใหม่ด้วยงบลงทุน 345 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาดลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจและประชุมสัมมนา (MICE) โดยทางโรงแรมได้วางจุดขายใหม่ เน้นกระแสความเป็นศูนย์กลางธุรกิจ รับแผนการย้ายสำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสู่ย่านถนนรัชดาภิเษกในอีกสองปีข้างหน้า ทั้งนี้ทางโรงแรมฯ ชูจุดเด่นของทำเลที่ตั้ง อันมีความพร้อมในด้านการคมนาคมที่สะดวกสบาย ทั้งเส้นทางรถไฟใต้ดิน และทางด่วนพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้การเดินทางจากโรงแรมฯ สู่สนามบินหลักทั้งสองแห่งของกรุงเทพฯ สนามกอล์ฟ และห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมืองเป็นไปโดยง่าย
มร. มาร์เซล ซอร์เยอร์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด เปิดเผยว่า “ทางโรงแรมฯ คาดว่า การย้ายสำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาสู่ย่านเดียวกันนี้ จะทำให้ความต้องการในด้านสิ่งอำนวยความสะดวกประเภทห้องพักสำหรับนักธุรกิจ และห้องประชุมสัมมนาในย่านห้วยขวางมีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ซึ่งก็ตรงกับเจตนารมณ์ของทางกลุ่มผู้บริหารที่ต้องการขยายฐานตลาดลูกค้าของโรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ดให้มีความหลากหลาย โดยการทุ่มงบประมาณการรีโนเวทและปรับกลยุทธ์ใหม่ในครั้งนี้จะเป็นการแปลงโฉมห้องพัก ห้องจัดเลี้ยง และห้องประชุมสัมมนาใหม่ทั้งหมด เพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจเพิ่มมากขึ้น”
ทั้งนี้ นอกจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดของโรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ดแล้ว วิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เลอ คองคอร์ด โฮเต็ล มีแผนลงทุนก่อสร้างโรงแรมใหม่อีกสองแห่งในพัทยา และจ.ตราด อีกทั้งยังมองหาทำเลเพิ่มเติมเพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลด้วย
สำหรับโครงการก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ทั้งสองแห่งนี้ ทางบริษัท เลอ คองคอร์ด โฮเต็ล คาดว่า จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปีนี้ และใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสองโรงแรม รวมทั้งสิ้น 2 พันล้านบาท โดยทั้งสองโครงการจะเป็นโรงแรมที่มีความหรูหรา พร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งวางจุดขายให้เป็นโรงแรมที่เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับพรีเมี่ยม รวมถึงนักท่องเที่ยว ทั้งชาวยุโรปและเอเชีย ไปจนถึงกลุ่มนักธุรกิจ