กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--สนพ.
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และฐานะรองประธานคณะอนุกรรมการการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า เปิดเผยว่า วันนี้ ความต้องการใช้ไฟฟ้าได้สูงขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 18,916 เมกะวัตต์ ซึ่งทะลุความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ในปี 2546 ที่ระดับ 18,121 เมกะวัตต์ และคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอีก ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าได้พยากรณ์พีคของปีนี้ จะอยู่ที่ระดับ 19,600 เมกะวัตต์ โดยมีสาเหตุหลักจากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของสภาพอากาศ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า พีคในวันที่ 29 มีนาคมนั้น ประการแรกนอกจากเป็นการทำลายสถิติพีคของปี 2546 แล้ว ประการสองยังเป็นการทำลายสถิติพีคที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2547 ที่ระดับ 18,247 เมกะวัตต์ และเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2547 ที่ระดับ 18,576 เมกะวัตต์ ที่ผ่านมาเช่นกัน นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2547 เป็นต้นมา ประเทศมีปริมาณความต้องการใช้ไฟสูงขึ้นมาโดยตลอด หากเทียบความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในแต่ละเดือนกับปีที่ผ่านมา (มกราคม - มีนาคม 2547) พบว่าเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 1,232 เมกะวัตต์ โดยความต้องการไฟฟ้าในเดือนมกราคม 2547 อยู่ที่ระดับ 16,832 เมกะวัตต์ เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2546 อยู่ที่ระดับ 15,778 เมกะวัตต์ เดือนกุมภาพันธ์ 2547 อยู่ที่ระดับ 17,672 เมกะวัตต์ เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2546 อยู่ที่ระดับ 16,724 เมกะวัตต์ และเดือนมีนาคม 2547 อยู่ที่ระดับ 18,916 เมกะวัตต์ เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2546 อยู่ที่ระดับ 17,222 เมกะวัตต์นายวีระพล กล่าวต่อว่า ปัจจัยที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น เป็นผลจากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ และส่วนหนึ่งมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่หน้าร้อนพบว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้น 1 องศาเซลเซียส จะมีผลต่อความต้องการพลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 200 - 300 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ผลของอุณหภูมิทำให้มีการเปิดแอร์มากขึ้น เพื่อให้เกิดความเย็น รวมทั้งอยู่ในช่วงปิดเทอม ทำให้ภาพรวมของการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นดังนั้น ประชาชนจึงควรช่วยกันประหยัดไฟ เพื่อเป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศและลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์โครงการ "พลังไทย ลดการใช้พลังงาน" ได้แก่ การดับไฟบ้านละ 1 ดวง และการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศา และทำความสะอาดเครื่องฯ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้เกิดการประหยัดไฟ--จบ--
-นท-